ทราบหรือไม่! วาซาบิที่เรารับประทานกันอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้เป็นวาซาบิแท้ 100% แต่จะมีการใส่ส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปด้วย เช่น มัสตาร์ด ฮอร์สแรดิช แป้งสาลี และสีผสมอาหาร เพื่อให้สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น เพราะหากใช้วาซาบิแท้ 100 % นั้น ราคาจะสูงมาก และเมื่อนำมาบดแล้วต้องใช้ทันที มิฉะนั้นความฉุนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว 

          ถึงแม้จะนำเข้าตู้เย็นก็เก็บได้เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น สีและคุณภาพก็จะลดลงด้วยเช่นกัน จึงได้มีการใส่ส่วนผสมต่างๆ ลงไป เพื่อที่จะเก็บความฉุนและคุณภาพ ของวาซาบิให้อยู่นานขึ้น โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวาซาบิไป

              ส่วนวาซาบิแท้นั้น เป็นพืชตระกูลเดียวกับโสม มีลักษณะใบคล้ายกับดอกของต้นฮอลิฮอด ความสูงของต้นสูงแค่เข่า ส่วนโคนลำต้นมีลักษณะเป็นหัวเหมือนหัวไช้เท้า มีสีเขียวอ่อนๆ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงหรือทำอาหาร เมื่อนำมาบดจะมีกลิ่นที่ฉุนรุนแรง เวลารับประทานช่วงแรกๆ จะให้ความรู้สึกแสบร้อนขึ้นจมูก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อม ซึ่งเกิดจากรสหวานและขมผสมกันและให้ความเผ็ดเล็กน้อย 

            ซึ่งประโยชน์ของวาซาบินั้นสามารถช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายเพื่อใช้ในการย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้วาซาบิยังมีส่วนช่วยฆ่าเชื้อโรค และสามารถต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด มีฤทธิ์ต่อต้านสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะอาหาร ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ป้องกันฟันผุ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติอีกด้วย

           สำหรับวาซาบิที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปที่เราคุ้นตากันจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ วาซาบิสดบดแช่แข็ง วาซาบิสดบดแบบหลอด และวาซาบิผง แต่จริงๆ แล้วยังมีการนำ วาซาบิ มาแปรรูปเป็นสินค้าอื่นๆ อีกเช่น วาซาบิซอส เป็นซอสที่มีรสชาติเปรี้ยวและฉุนไปพร้อมๆ กัน นิยมใช้รับประทานคู่กับสเต๊กชนิดต่างๆ วาซาบิมายองเนส 

            สามารถนำมาเป็นส่วนผสมของน้ำสลัด หรือนำมารับประทานคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ หรือของทอดต่างๆ ได้เช่นกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า วาซาบิ ไม่จำเป็นต้องรับประทานกับอาหารญี่ปุ่นเสมอไป

ที่มา  แม่บ้าน