สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส กล่าวว่า ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่เต็มไปด้วยความโลภ ก็ขออย่าได้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นับถือศาสนา เป็นคนไม่มีศาสนายังจะดีเสียกว่า

         สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ให้โอวาทกับคริสตศาสนิกชนหลังประกอบพิธีมิสซาในโบสถ์ซานตามาร์ธาในกรุงวาติกันว่า ผู้ที่นับถือพระเจ้า เพราะคิดว่าจะช่วยให้สามารถประกอบอาชีพทุจริต หรือ เอาเปรียบผู้อื่นได้ ก็ขออย่าได้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นับถือศาสนา เป็นคนไม่มีศาสนายังจะดีเสียกว่า โดยโป๊ปบอกว่ามีชาวคริสต์จำนวนมากที่เต็มไปด้วยความโลภ ซึ่งทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย

        โป๊ปยังให้คำจำกัดความถึงสิ่งที่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียด้วยว่า หมายถึงการพูดอย่างทำอย่าง และการยั่วยุให้คนอื่นทำบาป ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผู้ที่ทำเช่นนี้ย่อมต้องรับผิดชอบในบาปที่คนผู้นั้นกระทำด้วย 

        ในสหรัฐฯ คริสตศาสนิกชนบางส่วนรายงานว่าโบสถ์บางแห่งบิดเบือนคำสอนไม่ให้บาทหลวงทำพิธีศีลมหาสนิท แก่นักการเมืองที่สนับสนุนการทำแท้ง ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสซึ่งมีหัวก้าวหน้า มักจะไม่ค่อยพูดถึงประเด็นการทำแท้งหรือการคุมกำเนิด แต่มักจะวิพากษ์วิจารณ์ระบบทุนนิยม และกล่าวโจมตีการทำธุรกิจด้วยความโลภที่มุ่งเน้นแต่ผลกำไร  

        นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสพูดถึงชาวคริสต์ที่ทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โป๊ปก็เพิ่งกล่าวถึงความจอมปลอมของชาวคริสต์บางกลุ่มที่พูดเหมือนเป็นคริสตศาสนิกชนที่เคร่งครัด แต่ว่าแทบไม่เคยทำอะไรที่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นเลย ซึ่งโป๊ปทรงกำชับว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด เพราะเมื่อวันหนึ่งศาสนิกชนไปพบพระเจ้า พระองค์จะไม่ถามว่าคนคนนั้นว่าพูดถึงพระเจ้าอย่างไรบ้างตอนมีชีวิต แต่พระองค์จะถามว่า ศาสนิกชนทำอะไรมาบ้างต่างหาก 

        ในปี 2013 โป๊ปยังเคยพูดถึงคนไม่มีศาสนาด้วยว่า สวรรค์เปิดรับทุก ๆ คน ไม่ใช่แค่คนคาธอลิก แม้แต่คนไม่มีศาสนา ก็ขึ้นสวรรค์ได้ หากทำความดี และขอให้ทั้งชาวคริสต์ และคนไม่มีศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.voicetv.co.th/world/464781.html