พระปราโมทย์ย้ำ..!! พุทธศาสนา:แห่งความนุ่มนวล: ระวังการใช้ Power Over อยุติธรรมถือว่าเป็นความรุนแรง
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความนุ่มนวล: อย่าเพิ่มความเกลียดชังในสังคม ระวังการใช้ Power Over : ความไม่ยุติธรรมถือว่าเป็นความรุนแรง : ชนะเชิงกลยุทธ์ แต่เเพ้เชิงยุทธศาสตร์ : แท้จริงคนใช้ความรุนแรงภายในเขาช่างอ่อนแอ : ชัยชนะที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดถือว่าเเพ้ http://winne.ws/n13602
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา พระวิทยากรธรรมะโอดี พัฒนาองค์กร ได้โพสต์บทความธรรมะผ่านสังคมสื่อโชเชี่ยวเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยให้แง่คิดมุมมองของการบริหารจัดการสังคม ที่สร้างความสมานฉันท์ โดยอาศัยหลักการของพระพุทธศาสนาได้อย่างลงตัว ด้วยสันติวิธี
สำหรับพระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท เป็นพระนักเทศน์ พระวิทยากรมากด้วยความรู้และความสามารถมีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่าง จัดอบรมพัฒนาบุคคลากรด้านต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน
" พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความนุ่มนวล: อย่าเพิ่มความเกลียดชังในสังคม ระวังการใช้ Power Over : ความไม่ยุติธรรมถือว่าเป็นความรุนแรง : ชนะเชิงกลยุทธ์ แต่เเพ้เชิงยุทธศาสตร์ : แท้จริงคนใช้ความรุนแรงภายในเขาช่างอ่อนแอ : ชัยชนะที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดถือว่าเเพ้ "
ณ ช่วงเวลานี้เราสามารถเลือกได้จะใช้ความรุนแรงหรือสันติวิธีถ้าใช้สันติวิธีจะสูญเสียน้อยที่สุด เพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความนุ่มนวลเป็นศาสนาแห่งความรัก แต่ ณ ปัจจุบันตามข่าวสารต่างๆ ศาสนาถูกใช้เป็นเครื่องมือของความรุนแรง หรือ ข้ออ้างทำให้เกิดความรุนแรง หรือ เหตุผลหลักในการใช้ความรุนแรง พระพุทธศาสนาจึงบอบซ้ำมากเหลือเกิน ถึงเวลาที่ต้องกลับมาทบทวนอย่างจริงจัง เพราะคนที่ใช้ความรุนแรงเรากำลังสะท้อนอะไรบางอย่าง แสดงว่าตนเองเข้มแข็ง แต่จริงๆ จิตใจเขาอ่อนแอมาก เพื่อต้องการจะปกปิดแผลหรือรอยอะไรบางอย่าง มหาตมะคานธี กล่าวว่า...คนที่อ่อนแอไม่สามารถให้อภัยใครได้ คนที่เข้มแข็งเท่านั้นถึงสามารถให้อภัยคนอื่นได้ คนที่ตัดสินใจใช้ความรุนแรง คือ " คนที่อ่อนแอ เป็นบุคคลที่น่าสงสารมากที่สุด นับวันโลกใบนี้จะมีแต่ความอ่อนแอ
สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ในการใช้ความรุนแรง ชนะที่เเลกมาด้วยความเจ็บปวดจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรง มองให้แง่ของพระพุทธศาสนา ทุกชีวิตมีคุณค่า ทุกคนรักชีวิต สันติวิธีจึงเป็นเครื่องมือสำหรับมนุษย์ที่ต้องคุยกับมนุษย์ เวลามีปัญหาต้องสร้างวิธีการพูดคุย เปิดพื้นที่มาคุยมาทำงานด้วยกันไม่มีใครครอบงำความคิด ทุกคนมีพื้นที่ เราจะทำให้คนมีกิเลสมาคุยกันอย่างไร ?เพราะทุกคนมี Power มี ๓ ประการ คือ Power Over เป็นการใช้พลังเหนือคนอื่น เป็นความรุนแรง Power With เป็นการใช้พลังร่วมกัน ร่วมทำอะไรบางอย่าง Power Wisdom เป็นการใช้พลังปัญญา หรือ ธรรมทาน เปิดพื้นที่เติมปัญญา ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็อย่าหงุดหงิด เติมเต็มให้แก่กันและกัน ณ สถานการณ์ปัจจุบันเป็นห่วงการใช้ Power Over ซึ่งส่งผลเสียระยะยาวมาก ทำให้ไม่สามารถเกิดกระบวนการปรองดองได้ เพราะการจะปรองดองต้องใช้เครื่องมือ คือ "การฟังเท่านั้น " เป็นจุดเริ่มต้น ฟังทุกคนแม้เสียงส่วนน้อย สอดรับกับคำว่า " Go slow to go fast Go fast to go slow แปลว่า ไปช้าๆ เพื่อจะไปไวๆ ไปไวๆ เพื่อจะไปช้าๆ "
การปรองดองแบบกดทับไม่ยั่งยืน ระยะยาวแพ้เชิงยุทธศาสตร์ ชนะในเชิงกลยุทธ์ เหมือบางเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงอาวุธกดทับไว้ เรียกว่า " ชนะในเชิงกลยุทธ์ แต่เเพ้เชิงยุทธศาสตร์ " แม้แต่เนปาลก็ต้องยอม ถึงจะเป็นประเพณีอันยาวมานาน คือ การบูชายัญ ซึ่งจุดยืนของพระพุทธเจ้า"ผู้เบียดเบียนคนอื่นไม่ใช่บรรพชิต" นี่คือ จุดยืนของพระพุทธศาสนา จิตวิญญาณของพุทธมาจากสันติภาพ บางศาสนามีพื้นฐานมาจากความรุนแรง เขาแรงมา เราต้องไม่แรงกลับ พระพุทธเจ้าย้ำพระสงฆ์ว่าไม่ใช้ความรุนแรง เราต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เหมือนพระปุราณะบอกว่า "เขาฆ่าเรา ดีกว่าเราไปฆ่าเขา" ยอมถึงขนาดนั้น ความรุนแรงมี ๒ ทาง คือ รุนแรงทางตรง คือ ศีล ๕ และรุนแรงทางอ้อม เช่น พระพุทธเจ้ายกเลิกวรรณะ เป็นความรุนแรงทางอ้อม พระพุทธเจ้าเลิกวรรณะถือว่าเป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้าง เลิกทาส อับฮัมบราฮัม ลิงคอน เลิกทาส รัชกาลที่ ๕ เลิกทาส ถือว่าเป็นการป้องกันความรุนแรงทางสังคม พระพุทธเจ้าให้เคารพกันตามอาวุโส มิใช่เคารพกันตามตำแหน่ง หรือยศ มีความเสมอภาค ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า..." บุคคลดูแลภิกษุป่วยไข้ ท่ากับดูแลเราตถาคต " แสดงถึงความเสมอภาคในการอยู่ร่วมกัน
ถ้าเราอุณหภูมิร้อนมาจากใจที่มันร้อน ในความจริงเกี่ยวกับสันติวิธี ใช้แก้ปัญหา ๒ ประการ คือ " ใช้ความรุนแรง และ ใช้สันติวิธี " การใช้ความรุนแรงไม่ถือว่าใช้สันติวิธี สันติวิธี คือ การไม่ใช้กำลัง การเชื่อฟัง การไม่ก่อความวุ่นวาย การทำตามกฎหมาย จริงๆ กฎหมายก็เป็นสันติวิธี แต่ไม่ทั้งหมด เพราะบางครั้งกฎหมายไม่ชอบธรรม ไม่ยุติธรรม จึงเกิดการดื้อแพ่ง จึงเกิดมายาคติเกี่ยวกับสันติวิธี คือมีความคิดว่าสันติวิธี สู้ อาวุธไม่ได้ สู้ดีกว่า ใช้อาวุธเลย ใช้เวลานานเกินไป คุยกันตามหลายปีแล้ว แม้แต่ประเด็นในสังคมปัจจุบันก็พยายามจะใช้การเจรจาแต่ไม่เป็นผล จึงอ้างว่าสันติวิธีไม่สำเร็จผล สันติวิธีไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาในการทำงาน คนที่ทำงานด้านสันติวิธี ไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ประเด็นทางศาสนา "ใจร้อนไม่ได้" เราต้องอดทน มีขันติวาที แต่คนใช้ความรุนแรงไม่ต้องคุยมาก หยิบปืนยิงเลย คนที่เดินทางสายนี้ คือ มหาตมะคานธี ใช้ความอดทน อองซานซูจี ใช้ความอดทน เนลสันใช้ความอดทน บั้นปลายชีวิตเป็นอย่างไร ? กลับมาติดคุก ยอมติดคุกอาจจะเป็นฮีโร่ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ชนะบั้นปลาย คือ อองซานซูจี และ เนลสัน ยุทธศาสตร์ระยะยาว แต่ กลยุทธ์ระยะสั้น บางคนมองว่าเป็นวิธีสำหรับคนขลาด ยอมจำนนอยู่เฉยๆ ต้องชนะ หรือ ฝ่ายตรงข้ามแพ้ ไม่ชนะไม่เลือก " สันติวิธีเป็นการยื่นบันไดให้กัน เพื่อทุบกำแพงสร้างสะพานเชื่อมไปหากัน" ไม่ใช้อาวุธ เพราะไม่มีโอกาส ใช้สันติวิธีเป็นสะพาน ไม่สามารถประกันความสำเร็จได้ ซึ่งแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ใช้สันติวิธีบางครั้งไม่สำเร็จ เพราะพื้นฐานความเกลียดชังลงลึกมาก ผู้อำนวยการสันติศึกษา มหาจุฬาฯเคยย้ำว่า...สำนักสันติวิธี มี ๓ สำนัก คือ
๑) มหาจุฬา คือ สันติวิธีในฐานะเป็นเครื่องมือในการจัดการความขัดแย้ง (Peaacful Means) ในศาสนาพุทธไม่มีคำว่า สันติวิธี แต่มีคำว่า สันติ หลักๆ ในพระพุทธศาสนา คือ มรรคมีองค์ ๘ ตามแนวของพระพุทธเจ้า สันติวิธีถือว่าเป็นเครื่องมือจัดการความขัดแย้ง (Peaceful Means) คือ การเจรจากันเอง (Negotiation) คือ ใช้วิธีการพูดคุยกันก่อน เจรจามี ๒ คือ " เจรจาเอาจุดยืนเป็นตัวตั้ง เจรจาเอาประโยชน์เป็นตั้วตั้ง" จะได้ประโยชน์อะไรในการเจรจาครั้งนี้ ชนะทั้งคู่ การไกล่เกลี่ย (Mediation) บางคนเอาเรื่องความตายมาให้คิด เอาเรื่องลูกมาสอนให้คิด ชนะทั้งคู่ อนุญาโตตุลาการ (Arbitration)มีแพ้มีชนะ และศาล ( Court) ถือว่าเป็นสันติวิธีอย่างหนึ่ง มีแพ้มีชนะ หรือบางที่ใช้การการหลีกเลี่ยง (Avoidance)
๒) สันติวิธีสำนักมหาตมะคานธี เป็นการเรียกร้องความต้องการ ปราศจากความรุนแรง เรียกร้องให้คนขาดโอกาส เป็น " อาวุธมีชีวิต " ทำเพื่อเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรม Civil Disobedience การดื้อแพ่ง หรือ อริยะขัดขืน เป็นการแสดงสัญลักษณ์ผ่านคำพูด คือ Demonstration การอดข้าวของมหาตมะคานธี เพื่อให้เกิดความเจ็บปวด March เป็นการเดินเป็นระเบียบเรียบร้อย และสุดท้าย ใช้Mob คุมไม่อยู่เพื่อให้ผู้มีอำนาจได้ยิน เสียงของคน มาเพื่อให้คนได้ยิน
๓) สันติวิธีในฐานะเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิต (Pacifism) ประเด็นคือ บุคคลที่ทานเจ คานธีใช้หลักใช้อหิงสา เป็นพื้นฐานของหลักศาสนาฮินดู ถ้าตัดสินใจใช้สันติวิธี ต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ สันติวิธีเป็นวิธีการที่น่าจะมีการสูญเสียน้อยที่สุดทั้งระยะสั้นระยะยาว
ฉะนั้น ขอให้ทุกท่านมีสติและโยนิโสมนสิการในการรับข่าวสารทุกรูปแบบ " อย่าใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยภูมิปัญญาขั้นต่ำ " ในการไปทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ชีวิตเราสั้นนักไม่มีเวลาจะไปทะเลาะหรือเบียดเบียนใครแล้ว มีแต่เวลาจะสร้างความดีร่วมกันต่อไป
สาราณียธรรม
โดย...พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท
นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา
พระวิทยากรธรรมะโอดี พัฒนาองค์กร
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
#ทีมวินนิวส์