สมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ออกแถลงการณ์ถึงกรณีการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย
กฎหมายเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการควบคุมสังคมให้อยู่กันโดยปกติสุข ดังนั้นบทบัญญัติของกฎหมายและการใช้กฎหมายจึงต้องมีหลักการในสาระสำคัญ คือ 1. มีความยุติธรรมโดยธรรมชาติและสามัญสำนึกแห่งวิญญูชน http://winne.ws/n13676
สมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) ออกแถลงการณ์ถึงกรณีการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย โดยระบุว่า
กฎหมายเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ในการควบคุมสังคมให้อยู่กันโดยปกติสุข ดังนั้นบทบัญญัติของกฎหมายและการใช้กฎหมายจึงต้องมีหลักการในสาระสำคัญ คือ
1. มีความยุติธรรมโดยธรรมชาติและสามัญสำนึกแห่งวิญญูชน
2. มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยยึดหลักนิติธรรม
ประกาศคำสั่งของ คสช.ที่ คสช.ถือว่าเป็นกฎหมายและใช้กับพลเมืองเท่าที่ผ่านมา ขัดแย้งกับหลักนิติธรรม ความยุติธรรมโดยธรรมชาติ และสามัญสำนึกแห่งวิญญูชน มีการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล
การใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ในหลายกรณี ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ เป็นที่ประจักชัดต่อพลเมืองทั่วไป เมื่อการบัญญัติกฎหมายหรือกฎใดๆ ที่ปราศจากความยุติธรรมและความชอบธรรมแห่งวิญญูชนแล้ว บทบัญญัติหรือระเบียบดังกล่าวก็จะขาดความศักดิ์สิทธิ์ ส่งผลให้ประชาชนผู้ถูกบังคับใช้กฎหมายเสื่อมความศรัทธา และต่อต้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นอันตรายต่อการปกครองประเทศให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้
เราสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) จึงขอแถลงการณ์โต้แย้งถึงการใช้อำนาจตามความมาตรา 44 ต่อกรณีการดำเนินการกับวัดพระธรรมกาย โดยเห็นว่าขัดต่อหลักการดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้เราเห็นว่ากฎหมายที่ใช้บังคับและกระบวนการยุติธรรมทางอาญายังไม่ได้ถูกล้มล้างหรือทำให้ขาดสภาพบังคับลง ด้วยความห่วงใยต่อความสงบสุขของประชาชนโดยรวม