กรมอนามัยตรวจพบผักกว่า10ชนิดมีสารเคมี หรือยาฆ่าแมลง มากสุด แนะวิธีรับประทานอย่างปลอดภัย

เมื่อได้รับสารนี้ในปริมาณมากจะทำให้เวียนศีรษะ หน้ามืด ท้องร่วง อาจเกิดหัวใจวายและตาย แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยๆ ค่อย ๆ สะสมในร่างกายจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง จากการตรวจสอบผักที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป http://winne.ws/n14512

694 ผู้เข้าชม
กรมอนามัยตรวจพบผักกว่า10ชนิดมีสารเคมี หรือยาฆ่าแมลง มากสุด แนะวิธีรับประทานอย่างปลอดภัยแหล่งภาพจาก MThai News

กรมอนามัย แนะคนไทยกินผักมากขึ้นอย่างน้อยวันละ 6 ทัพพี เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง แต่ควรล้างให้สะอาดโดยใช้เกลือและน้ำส้มสายชูผสมน้ำ จากการสำรวจพบว่า กวางตุ้ง และคะน้า มียาฆ่าแมลงสะสมสูงสุด

นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การกินผักเป็นประจำส่งผลดีต่อสุขภาพ เนื่องจากมีเส้นใยช่วยทำความสะอาดลำไส้ ช่วยปรับสมดุลเอนไซม์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง จึงแนะนำให้ผู้ใหญ่กินผักถึงวันละ 18 ช้อน หรือ 6 ทัพพี โดยให้กินผักที่หลากหลาย

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ปัญหาการตกค้างของสารเคมี หรือสะสมจากยาฆ่าแมลง จำพวกคลอริเนตไฮโดรคาร์บอน หรือเรียกว่า 'ออร์กาโนคลอรีน' ซึ่งใช้กำจัดแมลงได้หลายชนิด และอยู่ในธรรมชาติได้นาน จึงก่อให้เกิดปัญหาสารพิษตกค้างและเป็นอันตรายมาก 

เมื่อได้รับสารนี้ในปริมาณมากจะทำให้เวียนศีรษะ หน้ามืด ท้องร่วง อาจเกิดหัวใจวายและตาย แต่ถ้าได้รับในปริมาณน้อยๆ ค่อย ๆ สะสมในร่างกายจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง จากการตรวจสอบผักที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ยังพบว่ามีสารเคมีตกค้างในปริมาณสูง โดยเฉพาะผักสด 10 ชนิด เช่น กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริก และแตงกวา 

นอกจากนี้ ยังตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไล และเชื้อซาลโมเนลลา ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะผักที่นิยมรับประทานเป็นผักแกล้มแบบสดๆ เช่น ผักกาดหอม ต้นหอม ผักชี โหระพา สะระแหน่ และใบบัวบก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์ในการเพาะปลูก 

ดังนั้น ก่อนกินหรือนำผักมาปรุงอาหาร ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง โดยล้างผ่านน้ำก๊อกที่ไหลนาน 2 นาที หรือแช่ในน้ำผสมเกลือ น้ำผสมน้ำส้มสายชู หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง 

สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ และถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไป ควรล้างน้ำหลายๆครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านอย่างน้อย 2 นาที

ที่มา : http://news.voicetv.co.th/thailand/162921.html

แชร์