จริงหรือเท็จ ! ดีเอสไอ ต้องตอบสังคม
นับเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับคดีของวัดในเรื่องรับของโจรและฟอกเงิน เมื่อเรื่องราวเริ่มต้นกลับมีเหตุที่ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความยุติธรรมเพราะปรากฏว่าหมายเรียกนั้น สื่อได้รับและนำไปทำข่าว ก่อนผู้ต้องหาตามหมายจะได้รับเสียอีก http://winne.ws/n1539
ทันทีที่ข่าวและภาพของหมายเรียกให้ผู้ต้องหาคือ เจ้าอาวาสวัดดังย่านปทุมธานี ไปพบเพื่อสอบสวนในคดีรับของโจรและฟอกเงิน เมื่อหัวค่ำของวันที่ 29 มี.ค. 59 ปรากฏขึ้น ก็เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า เอกสารนั้นจริงหรือปลอม เนื่องจากผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหายังไม่ได้รับหมายนั้นเลย จนกระทั่งรุ่งเช้าวันถัดมาคือ วันที่ 30 จึงมีเจ้าหน้าที่นำส่งหมายเรียก
คำถามที่ต้องการคำตอบจึงเกิดขึ้น เพราะฝ่ายลูกศิษย์ลูกหาของท่านเจ้าอาวาส เกิดความรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมน่าจะมีปัญหาเสียแล้ว ดังเอกสารที่ปรากฏ
หมายเรียกฉบับแรกที่สื่อนำไปออกเมื่อเย็นวันที่ 29 มี.ค. 59
หมายเรียกที่เจ้าหน้าที่นำมาส่งเมื่อเช้าวันที่ 30 มี.ค. 59
ข้อสังเกตระหว่างหมายเรียกสองฉบับนี้
1. ฉบับของสื่อ ด้านมุมบนขวาของตราครุฑ จะมีเพียงข้อความว่า หมายเรียกผู้ต้องหา ส่วนฉบับที่ส่งให้ผู้ต้องหา จะมีข้อความว่า หมายเรียกผู้ต้องหา(ครั้งที่ ๑)
2. ในเอกสารฉบับของสื่อ ระบุคดีระหว่าง นายธรรมนูญ อัตโชติ ผู้กล่าวหา และพระเทพญาณมหามุณี (ซึ่งใช้ตัว ณ) แต่ถัดลงมาอีกสองบรรทัด หมายมายัง พระเทพญาณมหามุนี ตรงนี้เขียนถูก ส่วนในฉบับที่ส่งให้ผู้ต้องหา เขียนถูกเป็นพระเทพญาณมหามุนี ทุกแห่ง
3. หมายเรียกได้ปรากฏในสื่อหลายฉบับเมื่อเวลา ประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 29 มี.ค. แต่ผู้ต้องหาได้รับหมายเรียกในช่วงเช้าของวันที่ 30 มี.ค. (ซึ่งเท่ากับว่า สื่อ ได้รับหมายนั้นและนำออกเผยแพร่ก่อนผู้ต้องหาตามหมายเรียกจะได้รับหมายเรียกนั้น)
คำถาม เอกสารของสื่อนั้นจริงหรือปลอม ?
ก. หากตอบว่าจริง ก็มีคำถามต่อไปว่า
1. แล้วเอกสารราชการหลุดไปสู่มือของสื่อมวลชนได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่ถึงมือผู้ต้องหาตามหมายเรียก
2. DSI จะมีมาตรการอย่างไรกับผู้นำเอกสารออกไปเผยแพร่
ข. หากตอบว่าเป็นเอกสารปลอม มีคำถามอีกเช่นกันว่า
1. DSI ได้ดำเนินการหาตัวผู้ปลอมเอกสารนี้หรือยัง
2. DSI จะมีมาตรการอย่างไรกับผู้ปลอมเอกสาร และผู้เผยแพร่นั้น
DSI คงต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ เพราะขณะนี้ลูกศิษย์ลูกหาของวัดนั้น เขาเคลือบแคลงใจว่า ครูบาอาจารย์ของเขา ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวจากอำนาจรัฐ และยิ่งกรณีนี้ยิ่งส่อพิรุธ หนทางยังอีกยาวไกล แล้วอะไรจะเป็นหลักประกันว่า พระอาจารย์ของเขาจะได้รับความเป็นธรรม เพียงแค่จุดเริ่มต้นยังมีกลิ่นทะแม่ง ๆ แล้ว
สิ่งที่ดีที่สุดคือ ทำความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ทำตามใบสั่ง จริงอยู่ว่ามีกฎหมายอยู่ในมือ จะชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ อย่างไรก็ได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมนึกถึง พลังแห่งศรัทธาที่อยู่ในใจของญาติธรรมวัดนั้ัน หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากล เขาคงไม่ยอมแน่นอน ที่จะให้พระอาจารย์ที่เขาเคารพศรัทธา เลื่อมใส ต้องตกอยู่ภายใต้ความอยุติธรรม
ขอขอบคุณ ภาพจาก Google.com