อะไร คือ "ความอัศจรรย์" เมื่อสวดธรรมจักร ครบ 55,555,555 จบ ในวันวิสาขบูชา พ.ศ. 2560

ความอัศจรรย์ บางครั้งอยู่รอบตัว อยู่ไกลตัว อยู่ติดตัว อยู่ในตัว อยู่ในใจ แต่เรามักมองไม่เห็น เพราะเราคาดหวังให้เหตุอัศจรรย์นั้น เป็นดังที่เราคาดคิดเอาไว้ พอไม่ได้ดังที่เราคิดคาดหวังเอาไว้ เราก็เป็นทุกข์เพราะความผิดหวังนั่นเอง http://winne.ws/n15665

1.1 พัน ผู้เข้าชม
อะไร คือ "ความอัศจรรย์" เมื่อสวดธรรมจักร ครบ 55,555,555 จบ ในวันวิสาขบูชา พ.ศ. 2560

ความอัศจรรย์ บางครั้งอยู่รอบตัว อยู่ไกลตัว อยู่ติดตัว อยู่ในตัว แต่เรามักมองไม่เห็น เพราะเราคาดหวังให้เหตุอัศจรรย์นั้น เป็นดังที่เราคาดคิดเอาไว้ พอไม่ได้ดังที่เราคิดคาดหวังเอาไว้ เราก็เป็นทุกข์เพราะความผิดหวังนั่นเอง เพราะเราไปตั้งความหวังไว้ ซึ่งนั่นคือความอยากนั่นแหละ

        แม้ว่าเราจะสวดธรรมจักรมากว่า 55 ล้านจบแล้วก็ตาม แต่ถ้าเราไม่มีสติและไม่รู้ความหมายก็จะทำให้เราพลาดที่จะสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดบทนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเรามัวแต่รอสิ่งอัศจรรย์ที่ต้องเห็นด้วยตา ต้องสัมผัสด้วยกาย จับต้องได้ จึงลืมมองสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่งไป นั่นก็คือ "ความอัศจรรย์ใจ" ไปเสียสิ้น

         "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" คำนี้ยังใช้ได้และเป็นสัจธรรมเสมอ เพราะเป็นเรื่องจริง ที่ไม่มีอะไรมาลบล้างได้

         ใจที่อัศจรรย์ นั้น อาจจะนำพาให้คิด พูด กระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ตามอำนาจแห่งบุญและบาปที่อยู่ในใจเรา และอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโลดโผน แต่เกิดขึ้นอย่างนิ่ง ๆ  โดยเฉพาะใจที่เราปล่อยให้กระแสการสาธยายมนต์ของพระพุทธเจ้า มาหลายสิบล้านครั้ง นั้นคงไม่ธรรมดา เพราะใจจะนำกาย วาจา ให้กระทำและพูดในสิ่งที่ใจสั่งให้ทำ...ให้พูดออกมา 

         ถ้าสังเกตดูให้ดี จะพบความอัศจรรย์ของใจเราที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่วัน ๆ มีแต่ความทุกข์ ทั้งทุกข์เล็ก ทุกข์น้อย ทุกข์มาก ทุกข์จร ทุกข์ประจำ จากปัญหาต่าง ๆ ที่แวดล้อมตัวเรารอบด้าน เช่น ปัญหาเรื่องบุตรบริวาร ปัญหาการเงิน หนี้สิน ปัญหาสุขภาพทั้งเราเองและคนรอบข้างที่เราใกล้ชิด แม้แต่ปัญหาการท้อแท้หดหู่ใจ ปัญหาเพื่อนร่วมงาน เพื่อนข้างบ้าน ที่อาจไม่เข้าใจกัน แม้แต่ความวิตกกังวลที่แอบซ่อนอยู่ในใจเราเงียบ ๆ บ่อย ๆ ฯลฯ

         สังเกตไหม ว่าเมื่อเราสวดมนต์มากขึ้น ๆ ใจเราจะเกลี้ยงจากเรื่องราวเหล่านี้ ไม่มากก็น้อย ทุกข์ต่าง ๆ จะน้อยลง เพราะความทุกข์นั้นอยู่ในใจเราได้สั้นลง กว่าที่เคยเป็นมา นี่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนการสวดมนต์ของเราเอง เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น

         ทุกครั้งที่เราตั้งใจว่าจะสวดมนต์ กระแสแห่งบุญก็ต้องวิ่งเข้ามาที่ใจเราก่อน เพราะไม่งั้นเราก็คิดไม่ออก เพราะบาปมันปิดบังให้คิดไม่ออก แต่พอบุญได้ช่องเข้ามาถึงใจเรา ก็ทำให้เราคิดได้

         และเมื่อเราได้สวดสาธยายมนต์ออกมาด้วยใจที่เป็นสุขและมีสมาธิ กระแสแห่งบุญที่เป็นความสว่าง สะอาด ก็ไหลผ่านเข้ามาในใจของเรา พร้อมทั้งขับไล่ความมืดที่เกาะปิดบังใจของเราให้หายไปอีกด้วย ยิ่งสวดนานก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ใจเราได้รับกระแสจากคลื่นพลังงานอันบริสุทธิ์ที่สะอาดสว่าง ที่เรียกว่า "บุญ" นี้มากขึ้นเท่านั้น ดังที่พระผู้รู้ทั้งหลายได้กล่าวไว้ในกาลก่อน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

        ดังนั้น พลังงานแห่งความบริสุทธิ์นี้ ก็จะเข้ามาแทนที่ความมืดหรือพลังงานสกปรก หรือพลังงานของบาป ที่จะทำให้เรามองไม่เห็นความจริงนั้น ๆ ทำให้เรารู้ผิด ๆ พูดผิด ๆ ปฏิบัติกิจกรรมประจำวันแบบผิด ๆ เลือกประกอบการงานอาชีพผิด ๆ มีความพยายามผิด ๆ สติไม่ค่อยมี และมีผลให้สมาธิไม่เกิด 

        สิ่งเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นต้นทางแห่งความเสื่อม เพราะความเห็นที่ไม่ถูกต้อง เพราะใจ (เห็นจำคิดรู้) มืดบอด ทำให้เห็นผิดเพี้ยนไป จากความเป็นจริง

        ดังนั้น ความอัศจรรย์ของใจ ก็ไม่เกิดเพราะมองไม่เห็น หรือเห็นผิด ๆ คิดผิด ๆ พูดก็ผิด ๆ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับหลัก อริยมรรคมีองค์ 8 ของพระพุทธองค์ไปเสียนี่

        แค่นี้ก็สุดคุ้มแล้ว สำหรับภาพแห่งความตั้งใจของผู้ที่ตั้งใจสวดธรรมจักร โดยเฉพาะ "ความอัศจรรย์ใจ" ที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่มุ่งเป้ามาสวดให้ครบ 55,555,555 จบในวันวิสาขบูชา บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนั้นใจของทุกคน ไม่ย่อท้อห่อเหี่ยว แต่มุ่งเป้าไปสู่ความสำเร็จ ในเวลา 04.28 น. จนได้ เรียกว่าไม่เคยเกิดความอัศจรรย์อย่างนี้ มาก่อนเลย

        ถ้าบุญหรือพลังงานบริสุทธิ์ไปหล่อเลี้ยงใจไม่มากพอ ก็คงคิดไม่ออก มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมานั่งอดทนสวดมนต์กันถึงข้ามคืนอย่างนั้นเป็นแน่        

อะไร คือ "ความอัศจรรย์" เมื่อสวดธรรมจักร ครบ 55,555,555 จบ ในวันวิสาขบูชา พ.ศ. 2560แหล่งภาพจาก Twitter

ดังนั้น "ความอัศจรรย์ของใจของทุกคน ในวันนั้น ที่ถูกกลั่นแก้ ให้สะอาด บริสุทธิ์ สว่างยิ่งขึ้น ทำให้มีพลังดึงดูด ความสำเร็จจากที่เคยตั้งใจสวดให้ครบตามเป้า มาหลายครั้งแล้วนั่นเอง จึงมีเหตุการณ์สวดธรรมจักรข้ามคืนของพุทธบริษัท 4 แบบนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นอัศจรรย์ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยตั้งแต่สร้างวัดมาก็ว่าได้"

แล้วอย่างนี้ "ไม่เรียกว่า สิ่งอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว ณ หน้าพระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร??  แต่เพราะเป็นความ อัศจรรย์ใจ จึงอาจมองไม่ค่อยเห็นด้วยตา จับต้องไม่ได้ด้วยมือ เท่านั้นเอง ทำให้เรามองไม่ออก... ใช่หรือไม่"


ต้นไม้ใกล้ฝั่ง

19 พ.ค. 2560 เวลา 13.55 น.

แชร์