ขิง..ช่วยอะไรได้มากกว่าที่คิด โดยนพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย
สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารคือ ขิง จากการศึกษาวิจัยพบว่า ขิง มีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยย่อย ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่มีสาเหตุมาจากการเมารถ เมาเรือ http://winne.ws/n17344
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะโฆษกกรม เผย ปัจจุบันการใช้ชีวิตรีบเร่ง ทำให้พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป เช่น รีบกิน เคี้ยวไม่ละเอียด หรือนอนหลังกินเสร็จใหม่ ๆ
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย หรือเกิดกรดไหลย้อนได้
สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารคือ ขิง จากการศึกษาวิจัยพบว่า ขิง มีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยย่อย ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ที่มีสาเหตุมาจากการเมารถ เมาเรือ หรือคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยหลังผ่าตัด และผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด
ยาแผนไทยที่แนะนำให้มีไว้ประจำบ้าน หรือพกติดตัวไว้ใช้เมื่อเกิดอาการของโรคระบบทางเดินอาหาร คือ ยาขิง ชนิดแคปซูล ซึ่งเป็นสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ
เมื่อท้องอืด เฟ้อ จุกเสียด ให้รับประทานครั้งละ 2 แคปซูล (1,000 มก.) วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
ส่วนการป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากเมารถ เมาเรือนั้น รับประทานครั้งละ 2-4 แคปซูล (1,000 – 2,000 มก.) ก่อนเดินทาง 30 นาที – 1 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาขิง ควรระมัดระวังการกินร่วมกับยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ป่วยโรคนิ่วควรปรึกษาแพทย์ก่อน และไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบใช้ยาขิง
หากแพ้ เช่น เป็นผื่น ลมพิษ บวม คันตามปากและลำคอ หายใจติดขัด ควรหยุดยาทันทีและพบแพทย์ทันที
สำหรับการป้องกันโรคของระบบทางเดินอาหารนั้น ควรปรับพฤติกรรมการกิน เช่น กินอาหารให้ตรงเวลา ครบ 5 หมู่ อาหารมีกากใย ไม่กินอิ่มเกินไป เลี่ยงอาหารรสจัด ไขมันสูง ย่อยยาก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์