กฎ 2 นาที = “เดี๋ยว” กับ “เดี๋ยวนี้” คำหลัง..ยาวกว่าคำหน้านิดเดียว แต่อนาคตยาวไกลกว่ากันเยอะ

กฎข้อนี้ ...มาจากของ David Allen ผู้เขียนหนังสือ Getting Things Done ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ Productivity ที่ดังมากๆ ในอเมริกา กฎ 2 นาที ที่ว่า ก็คือ.. ถ้าอะไรใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ก็ทำมันไปเลย http://winne.ws/n17904

2.9 พัน ผู้เข้าชม
กฎ 2 นาที = “เดี๋ยว” กับ “เดี๋ยวนี้”  คำหลัง..ยาวกว่าคำหน้านิดเดียว  แต่อนาคตยาวไกลกว่ากันเยอะ

กฎข้อนี้ ...มาจากของ David Allen ผู้เขียนหนังสือ Getting Things Done ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ Productivity ที่ดังมากๆ ในอเมริกา

กฎ 2 นาที ที่ว่า ก็คือ.. ถ้าอะไรใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ก็ทำมันไปเลย

เช่น ตอนค่ำกลับมาถึงบ้าน กินน้ำผลไม้เสร็จแล้ว แทนที่จะแช่แก้วน้ำไว้ค้างคืน ก็ล้างมันซะเลย หรือ

เมื่อเช้านี้ ผมยกตะกร้าผ้าลงมาข้างล่าง เพื่อเอาเสื้อผ้าไปส่งซัก พอเดินถือตะกร้าเปล่ากลับมา ผมก็มีทางเลือกว่า...

จะวางตะกร้าไว้ข้างล่างก่อน เพื่อจะเดินไปกินข้าวในครัวหรือ

จะเอาตะกร้าผ้าขึ้นไปเก็บที่ห้องก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าว

ธรรมดา...ผมจะเลือกอย่างแรกเพราะขี้เกียจเดินขึ้น-เดินลง 

แต่คราวนี้ ...พอรู้ว่าการเอาของขึ้นไปเก็บก่อน ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ผมก็เลยเอาตะกร้าขึ้นไปเก็บเลยแล้วค่อยเดินลงมาทานข้าว อาจจะเสียแรงเพิ่มซักหน่อย แต่ก็ถือว่า...เป็นการออกกำลังกายไปในตัว

กฎ 2 นาที = “เดี๋ยว” กับ “เดี๋ยวนี้”  คำหลัง..ยาวกว่าคำหน้านิดเดียว  แต่อนาคตยาวไกลกว่ากันเยอะ

การใช้ " กฎ 2 นาที " 

นี้ มี ข้อดี 2 อย่าง คือ

1. ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะ ถ้าใช้เวลาน้อยกว่า 2 นาที ....ก็ทำไปเลย ยังไงก็ไม่ได้เสียแรงเสียเวลาอะไรอยู่แล้ว

2. ป้องกันดินพอกหางหมู 

ลองมองดูรอบๆ ก็ได้ว่า 

ที่ห้องเรารก หรือที่บ้านเรามีของอยู่ผิดที่ผิดทาง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราบอกตัวเองว่า “เอาไว้ก่อน” แทบทั้งนั้น ทั้งๆ ที่จริงแล้ว..... ถ้าเราตัดสินใจเก็บมันให้ถูกที่ซะตั้งแต่แรกก็คงไม่รกขนาดนี้

จะว่าไป พ่อของผมเองก็เหมือนจะใช้กฎนี้เช่นกัน (แม้อาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม) เวลาใครมาปรึกษาเรื่องอะไร ถ้าพ่อรู้สึกว่า น่าจะมีเพื่อนคนไหนช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ก็จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคนคนนั้นทันที 

กฎ 2 นาที = “เดี๋ยว” กับ “เดี๋ยวนี้”  คำหลัง..ยาวกว่าคำหน้านิดเดียว  แต่อนาคตยาวไกลกว่ากันเยอะ

จนคนที่มาปรึกษาก็ประทับใจระคนแปลกใจว่า อะไรจะ take action กันรวดเร็วปานนั้น ซึ่งจะว่าไป...ก็เป็นวิธีที่ถูก เพราะโดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอก่อน

แต่ที่เราส่วนใหญ่...ไม่ค่อยทำอะไรทันที ก็เพราะว่าลึกๆ เราอาจจะกลัวอะไรบางอย่าง (....ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไร.....) ก็เลยผลัดวัน ประกันพรุ่งไปก่อน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสุดท้าย...ก็ต้องทำอยู่ดี

บล็อกเกอร์ชื่อ James Clear ได้นำ "กฎ 2 นาที" นี้  

ไปต่อยอด ด้วยการบอกว่า

....ถ้าเราจะเริ่มนิสัยอะไรใหม่ๆ..... ก็ควรจะเป็นนิส้ยที่ทำได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีเช่นกัน

ยกตัวอย่าง เช่น

#อยากสุขภาพดีขึ้น ก็กินผลไม้ซักหนึ่งลูก

#อยากจะเขียนเก่งขึ้น ลองเขียนอะไรก็ได้ซักหนึ่งประโยค

#อยากจะอ่านหนังสือมากกว่านี้ ก็อ่านหนังสือซักหนึ่งหน้า

#อยากจะฝึกสมาธิ ก็ลองนั่งดูลมหายใจเข้าออกซัก 10 ครั้ง

 ทั้ง 4 อย่างนี้ ล้วนแต่ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีทั้งนั้น

 และพอเราเริ่มทำมันบ่อยครั้งเข้า เราก็จะสามารถ...เอาชนะแรงเฉื่อย ที่เคยฉุดเราไว้ 

และทำสิ่งๆ นั้น ได้นานขึ้นเรื่อยๆ

ข้อดีที่สุด ของ "กฎ 2 นาที" 

ก็คือ

มันบังคับให้เราทำหลายๆ เรื่อง “เดี๋ยวนี้” โดยไม่มีข้อแม้ หรือ ข้อแก้ตัว

เมื่อลองทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้ทัศนคติแบบ “เดี๋ยวก่อน” เอาไว้หลายเรื่องทำให้เสียโอกาสไปไม่รู้เท่าไหร่

ตอนนี้เลยต้องหัดใช้ชีวิตแบบ “เดี๋ยวนี้” ให้มากขึ้นครับ

โดย ประภาส ชลศรานนท์


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://anontawong.com/2015/07/05/now-or-later/

www.google.co.th

แชร์