นักวิจัยสหรัฐพบว่า ยีนของสุนัขกลายพันธุ์ ทำให้เป็นมิตรกับมนุษย์ดีกว่าเดิม

ผลวิจัยใช้ข้อมูลจาก 2 ส่วนคือจากการศึกษาพฤติกรรม และการศึกษาพันธุกรรม โดยโมนิค ยูเดล (Monique Udell) นักพฤติกรรมสัตว์จากมหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน พบว่าสุนัขจะเข้าสังคมกับมนุษย์ได้ดีกว่า และเข้าหาคนแปลกหน้าได้ดี http://winne.ws/n18926

896 ผู้เข้าชม
นักวิจัยสหรัฐพบว่า ยีนของสุนัขกลายพันธุ์ ทำให้เป็นมิตรกับมนุษย์ดีกว่าเดิมแหล่งภาพจาก พี่เลี้ยงเด็ก

นักวิจัยสหรัฐฯ พบความแตกต่างในพันธุกรรมของสุนัขกับหมาป่า ซึ่งทำให้สุนัขมีพฤติกรรมที่เป็นมิตร และไม่กลัวคนแปลกหน้า ทำให้กลายมาเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์ได้มานานหลายร้อยปี

ผลวิจัยใช้ข้อมูลจาก 2 ส่วนคือจากการศึกษาพฤติกรรม และการศึกษาพันธุกรรม โดยโมนิค ยูเดล (Monique Udell) นักพฤติกรรมสัตว์จากมหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน พบว่าสุนัขจะเข้าสังคมกับมนุษย์ได้ดีกว่า และเข้าหาคนแปลกหน้าได้ดีกว่าหมาป่า แม้ว่าหมาป่าเหล่านั้นจะถูกเลี้ยงโดยคนก็ตาม

ส่วนข้อมูลจากด้านพันธุกรรมของมหาวิทยาลัยพรินซตัน  พบว่ายีนโครโมโซม 6 ของสุนัข สัมพันธ์กับความเป็นมิตรต่อมนุษย์ ซึ่งการกลายพันธุ์ของยีนลักษณะนี้ในมนุษย์จะนำไปสู่อาการที่เรียกว่า "วิลเลียมส์ซินโดรม" (Williams-Beuren Syndrome หรือ Williams Syndrome) ทำให้อยากเข้าสังคมและเป็นมิตรมากผิดปกติ โดยบริดเจ็ต ฟอนโฮลต์ (Bridgett vonHoldt) นักวิจัยเผยว่าเหตุที่สุนัขเข้ากับมนุษย์ได้ดีนั้น อยู่ที่การปรับพันธุกรรมของมันเอง มากกว่าการที่มนุษย์นำเข้ามาเลี้ยง ในขณะที่หมาป่าจะมีลักษณะที่ยีนกลายพันธุ์เช่นนี้น้อยกว่า

นักวิจัยสหรัฐพบว่า ยีนของสุนัขกลายพันธุ์ ทำให้เป็นมิตรกับมนุษย์ดีกว่าเดิมแหล่งภาพจาก sites.google.com

ด้านการวิจัยพฤติกรรม ยูเดลทำการวิจัยในสุนัข 18 ตัว เทียบกับหมาป่าเกรย์วูลฟ์ 10 ตัว ผ่านการให้ภารกิจต่างๆ และพบว่าสุนัขมีแนวโน้มที่จะหันมามองมนุษย์ มากกว่าทำภารกิจให้สำเร็จ ขณะที่หมาป่าจะไม่สนใจมนุษย์และมุ่งหน้าทำภารกิจอย่างเดียว หรือในภารกิจอื่น สุนัขก็จะมีช่วงเวลาในการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ยาวนานกว่าหมาป่าที่จะหมดความสนใจต่อมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ยูเดลเผยว่า แม้ผลวิจัยจะบ่งชี้ว่าสุนัขปรับยีนของตัวเองเพื่อก้าวเข้ามาเป็นมิตรแท้ของมนุษย์ แต่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ยังคงเป็นส่วนสำคัญต่อชีวิตของมัน

"ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขนั้นเป็นแบบพึ่งพาอยู่ร่วมกัน และข้อมูลทั้งหมดที่เราวิจัยนี้ก็บ่งบอกว่าเราให้เวลา ความรัก และพลังแก่มันเพื่อทำให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น" ผู้วิจัยกล่าว

ที่มา: https://news.voicetv.co.th/world/524638.html

แชร์