เก่งได้ ไร้ขีดจำกัด(Push The Limit):ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ พัฒนาตนอย่างไรให้สำเร็จในทุกสิ่ง

เก่งได้...ไร้ขีดจำกัด! (พัฒนาตนอย่างไร...ให้ทำสำเร็จได้ในทุก ๆ สิ่ง?) ประตู 4 บาน...สู่การเป็นคนเก่ง!ความเชื่อมั่น สร้างจากความเชื่อมั่นของตนเอง เริ่มต้นได้ทุกเมื่อคุณรู้และมั่นใจ http://winne.ws/n20639

3.1 พัน ผู้เข้าชม
เก่งได้ ไร้ขีดจำกัด(Push The Limit):ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ พัฒนาตนอย่างไรให้สำเร็จในทุกสิ่งแหล่งภาพจาก YouTube

คุณเปลี่ยนได้ ถ้าคุณตั้งใจเปลี่ยนจริง ๆ พร้อมรับความฉลาด จากการหาคนฉลาด มาบอกคุณ

ผู้หญิงที่คิดว่า ..ไม่เคยคิดว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนไม่ได้

เก่งได้ ไร้ขีดจำกัด

รายการนี้เป็นประโยชน์ทั้งผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ครู 

....ใครที่มีลูก"ควรดู" 

....ใครที่เป็นลูก"ควรดู" 

....ใครที่เป็นครู ยิ่ง"ควรดู"

....และใครที่อยากเปลี่ยนชีวิต ให้ชีวิตดีขึ้น ก็ "ควรดู"

** เปิดดูสิ!คุ้มค่าจริง ๆ **

ขอบคุณวิดิโอจาก: https://youtu.be/kumtp0TWgck

นั่งฟังเธอบอกเล่าเ­รื่องราวในชีวิต........จากเด็กต่างจังหวั­ดคนนึง ทำไมถึงเรียนดี ได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ และจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสูงกว่า 4 และได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง.... เธอคิดแบบไหน ทำยังไง ก่อนจะมาถึงจุดๆนี้.....เห็นว่ามีประโยชน์มากๆในวิธีคิด ...ก็อยากพักเรื่องการเมือง ขอสรุปใจความให้มาอ่านเรื่องประเทืองปัญญาว่าเธอมีเคล็ดลับ มีวิธีการที่ทุกคนก็สามารถทำได้อย่างไร ? ลูกหลานเราจะได้เป็นทั้งคนดี และประเทืองปัญญา ไม่ต้องเป็นเหมือนผู้นำของเราบางคน....

Part 1 : เก่งได้...ไร้ขีดจำกัด! (พัฒนาตนอย่างไร...ให้ทำสำเร็จได้ในทุก ๆ สิ่ง?)  ประตู 4 บาน...สู่การเป็นคนเก่ง!

- ประตูบานที่ 1 : เลือกในสิ่งที่รัก :: เปิดใจ ลองทำมันทุกอย่าง เพื่อที่จะหาในสิ่งที่รัก 
- ประตูบานที่ 2 : ประจักษ์ในเป้าหมาย ::ควรจะตั้งเป้าหมาย ไม่ไกลเกินไป 
เพราะถ้าตั้งไกลเกินไป เราจะไม่มองอย่างอื่น จะปิดตัวเอง
- ประตูบานที่ 3 : ค้นหาแรงบันดาลใจ ::ค้นหา บุคคล ที่ไปถึงจุดมุ่งหมายก่อนเรา
- ประตูบานที่ 4 : กัดไว้ไม่ปล่อยมัน ::เพราะกว่าจะทำอะไรสำ­เร็จ มันใช้เวลายาวนาน 
แล้วคำว่าไม่ปล่อย ควรจะเปลี่ยนวิธีการคิดบ้าง อย่างถ้าอ่านแล้วไม่สำเร็จ เราควรเปลี่ยนวิธีการ สำคัญคือ อย่างเปลี่ยนความตั้งใจ

Part 2 : เป็นทั้งคนดี และประเทืองปัญญาต้องสร้างจากครอบครัว

       พื้นฐานวัยเด็กของดร.นิศราเป็นเด็กนครสวรรค์ เติบโตมาในครอบครัวของนักการศีกษา คุณพ่อสอนวิทยาศาสตร์ คุณแม่เป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ ทั้งคู่จึงเห็นความสำคัญของการศึกษา ปลูกฝังลูกๆให้เป็นคนดี ผ่านการเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก

       ดร.ต่ายเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมอีกด้วย อยากทำกิจกรรม พ่อแม่ของดร.ต่าย ก็สนับสนุบ แต่การเรียนนั้นห้ามเสีย  “เป็นคนที่ใช้เวลาค่อนข้างคุ้ม เวลาว่างจะรีบทำการบ้านจะได้มีเวลาว่างในการทำกิจกรรมได้ “การทำกิจกรรมจะช่วยให้การสื่อสารและเข้าคนอื่นได้ดีขึ้น มีเพื่อนเยอะขึ้น”

       - ประตูบานที่ 1 : เลือกในสิ่งที่รัก

       - ประตูบานที่ 2 : ประจักษ์ในเป้าหมาย ::ควรจะตั้งเป้าหมาย ไม่ไกลเกินไป 

        ดร.นิศรา ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 16 ปีและได้รับทุนจากรัฐบาลแล้ว ต้องเก็บกระเป๋าหอบสัมภาระเพื่อเดินทางไปเรียนต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษ จึงมีปัญหาในการปรับตัวช่วงปีแรกอย่างมาก แม้เธอจะตั้งใจเรียนในห้องและพยายามฝึกฝนภาษา แต่การเตรียมตัวสอบวัดผลต่างๆเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอย่างหักโหม ทำให้เธอถึงกับเอ่ยว่าปีนั้นเป็นปีที่หนักที่สุดในชีวิต

        หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ดร.นิศราเดินหน้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอกด้านวิศวกรรมเคมีที่มหาวิทยาลับสแตนฟอร์ด โดยเน้นการทำวิจัย ภายใน 5 ปีก็สามารถคว้าได้ทั้งสองปริญญา

      - ประตูบานที่ 3 : ค้นหาแรงบันดาลใจ ::ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด

        แม้ว่าการเรียนจบมาด้วยคะแนนสูงและมีความสามารถล้นเหลือจะทำให้ได้รับการติดต่อทาบทามเพื่อให้ไปร่วมงานด้วยทั้งจากองค์กรในประเทศไทยและต่างชาติ แต่ ดร.นิศรา กลับเลือกที่จะกลับมาใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมานับ 10 ปี ด้วยเงินทุนของรัฐบาลและภาษีของประชาชนเพื่อทำงานตอบแทนประเทศชาติ เดินทางกลับมาทำงานที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค)

         การนำความรู้ความสามารถมาทำงานเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศนั้นจึงนับเป็นความท้าทายของการทำงานเป็นนักวิจัย

  - ประตูบานที่ 4 : กัดไว้ไม่ปล่อย     

ข้อคิดที่ได้บทสัมภาษณ์

       - ในการค้นหาตัวเองให้เจอ นอกจากต้องถามตัวเองให้แน่ชัดว่าชอบอะไรแล้ว ครอบครัวยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกของลูก

        “ต้องฝากกับพ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจว่าสังคมอาจจะให้ค่านิยมบางอาชีพมากกว่าอีกอาชีพหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จกับสายอาชีพที่คุณพ่อคุณแม่เลือกให้ สิ่งที่เขาจะประสบความสำเร็จที่สุดคือสิ่งที่เขารักที่สุด สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะทำให้ได้กับลูกคือพยายามเปิดโอกาสให้ลูกเลือก แต่พยายามให้ข้อมูลเขา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอ้าลูกเลือกเลย เด็กเองก็ไม่รู้ข้อมูล การที่ช่วยกันหาข้อมูลจึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดีที่ลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่ให้ความสนใจในการศึกษา เขาก็อยากจะให้พ่อแม่ภูมิใจเขาก็จะตั้งใจเรียน และถ้าเขาเลือกในสิ่งที่เจารักจริงๆไม่ว่าอาชีพไหนๆก็ตาม ถ้าเขาเลือกในสิ่งที่เขารัก เขาจะไปได้ด้วยดี”

       - “หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจว่าต่ายเป็นคนเรียนเก่งแล้วเกิดมาคงฉลาด แต่จริงๆ ต่ายไม่ได้คิดว่าตัวเองเรียนเก่งไปกว่าคนอื่น จริงๆแล้วทุกคนมีศักยภาพในตัวทุกคนอยู่แล้ว อาจเป็นศักยภาพที่แตกต่าง ขอแค่ทุกคนค้นหาศักยภาพนั้นให้เจอแล้วตั้งใจพัฒนาให้เป็นจุดแข็ง ”


 ขอบคุณที่ตั้งใจอ่านจนจบนะครับ เพราะคุณจะได้เป็นทั้งคนดี รักแผ่นดินเกิด และประเทืองปัญญา เดี๋ยวนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://oknation.nationtv.tv/blog/Thejourneyofanidea/2013/11/12/entry-1

แชร์