#TempleStay “อยู่วัด สัมผัสสัจธรรม”

เมื่อปี 2011 ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเสวนา The 4th World Scout inter-religious Symposium ณ ประเทศเกาหลีใต้ http://winne.ws/n23276

734 ผู้เข้าชม
#TempleStay “อยู่วัด สัมผัสสัจธรรม”

            ในสมัยนั้น การเข้าร่วมเสวนาวิชาการจะต้องทำวีซ่า มีผู้รับประกันการเดินทาง มีหนังสือเชิญจากองค์กรและใช้เวลารอคอย อยู่ประมาณ15 วันทำการด้วยกัน

            แน่นอนว่าด้วยการประสานงานที่มีคุณภาพของทีมงาน ทำให้วีซ่าของเรา ผ่านเรียบร้อยไม่มีปัญหา แต่การเตรียมตัวเดินทางและการทำการบ้านเรื่องลูกเสือ เยาวชนและมุมมองของศาสนาต่อการสร้างสันติภาพนั้น เป็นเรื่องที่หนักหนา อยู่พอสมควร

            การเสวนา เป็นไปอย่างจริงจังสลับกับความสนุกสนาน เบิกบาน จากอัธยาศัยของ “ลูกเสือ”ทั้งหลายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้จะมาจากคนละมุมโลก แต่นิสัย ”มีน้ำใจ”และมี“มนุษยสัมพันธ์” ที่ลูกเสือทั่วโลก ได้ถูกฝึกมานั้น กลายเป็นเบ้าหลอม ให้ทุกคนเป็น หนึ่งเดียวกัน อย่างง่ายดาย

            หลังจากการเสวนาเสร็จสิ้น ทางเจ้าภาพได้พาแขกแยกไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ สัมผัส “เกาหลี”อย่างแท้จริง

           เราหลับมาบนรถ ตลอดหลายชั่วโมงและตื่นมาหน้าประตู ที่เขียนว่า “Seoraksan”  แล้ว โซรัค ซัง ? คืออะไร  ผู้ดูแล พาเราเข้าไปที่วัด แห่งหนึ่งบนภูเขาโซรัค (ขอเรียกว่า โซรัคซังตามความเข้าใจนะคะ) 

#TempleStay “อยู่วัด สัมผัสสัจธรรม”

             ลงทะเบียน และ ให้กุญแจห้องมา พร้อมให้ข้อมูลการเข้าพักที่นี่

             ภายในห้องเสื่อตาตามิ ผนัง ประตู กระดาษสาทำให้กายที่เคยหยาบล้า ค่อยๆ “สงบ” และน้อม “สติ”เข้ามาในตัว ด้วยความกลัวว่าจะทำประตูเขาขาดนั่นเอง555

             วางกระเป๋าเสร็จ ก็เดินไปบริเวณ ขึ้นกระเช้า!!!

            ใช่ค่ะ กระเช้าหรือ cable เพื่อขึ้นไปชมจุดชมวิว และเป็นทางเดินเขาเล็ก ๆ ที่ทำไว้ อย่างปลอดภัย เราเดินขึ้นเขา ตามวงเล็กปีนขึ้นไปบนหน้าผา เรียบแป้น แต่สูงพอ ที่จะเห็นภาพ ที่อยู่ข้างหน้า...

                                                 สูง ต่ำ เขียว ขาว สลับกับหมอกและท่องฟ้าสีเข้ม

                                                หากจะมีกล้องบันทึกใด ที่ละเอียดเท่าสายตา

                                                มีเครื่องเก็บอากาศ และกลิ่นธรรมชาติไว้ได้

                                               อยากจะเอามาฝาก ให้ได้ชื่นชมความกว้างใหญ่ของโซรัคซัง

 

           เรานั่งมอง ทุกอย่างอย่าง นิ่งๆจนพระอาทิตย์ตกดิน  ก่อนกระเช้ารอบสุดท้ายจะปิด ขึ้นไปถ่ายรูป1รูปสวนกันกับ ครอบครัวชาวเกาหลี ที่มีลูกเล็ก ๆน่ารัก 2 คนพยายาม เดินตามทางเดินเขา อย่างสนุกสนาน

             เราลงมาทำภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ ประแป้งเตรียมผึ่งพุงนอน แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่ง ดังขึ้นมาจนทุกคนสะดุ้งพร้อมกัน!!!    ปึง ปึง ปึง ปึง ปึง!!!  เรา ซึ่ง เด็กสุดรวบรวมความกล้า ค่อย ๆแง้มบานประตูมาตาเบิกโพลง ตกใจเมือพบว่าคนที่มาเคาะประตูนั้นคือ...ท่านเจ้าอาวาสท่านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ส่งภาษามือชักชวนเราทุกคน เดินออกมาจากห้อง แล้วตามท่านออกไป

           ทุกคนใส่เสื้อกันหนาว บาง ๆเพราะอากาศกำลังสบาย ท่านเจ้าอาวาส ที่ถ้าเป็นพระบ้านเรา ควรเรียกท่านว่า หลวงพ่อเดินนำด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ไป ณ เบื้องหน้า

           พระพุทธรูปองค์ใหญ่ คู่กับโซรัคซัง

           แหงนมองท้องฟ้า ดาวเต็มไปหมดแสงสว่างจากพระจันทร์ สว่างพอ ที่จะเห็นเงาขององค์พระปฏิมากร อย่างชัดเจนช่างเคร่งขรึมและสงบอะไรเช่นนี้   จากนั้นท่านชวนพวกเราทุกคน ทำสมาธิ และเดินวน รอบพระพุทธรูป 3 รอบด้วยกัน

           หลวงพ่อ ท่านคงอยากจะเล่าประวัติความเป็นมาและเรื่องราวของโซรัคซังให้เราฟัง แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เราไม่สามารถ สื่อสารภาษาเกาหลีกับท่านได้แต่ด้วย แววตา ท่าทาง และ ที่สุดของความพยายามของท่านเราซาบซึ้งใจพอควรเลย

           จากนั้น ท่านชวนให้พวกเรา นั่งสมาธิหรือนอนชมดาว บริเวณ ฐานพระพุทธรูป ที่ใหญ่ ตระหง่าน เป็นประธาน ณ เทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้   หลังจากท่านขอตัวกลับไปพวกเรายังดื่มด่ำ ความกว้างใหญ่ของจักรวาลด้วยการนอนดูดาว บนภูเขา ของประเทศเกาหลีเมื่อเดินกลับมาก็พบ เหล่าพระภิกษุ-ภิกษุณีกำลังจูงมือเด็ก ๆระดับชั้นอนุบาล ผูกผ้าพันคอลูกเสือ 

           กลับมาจากกิจกรรมรอบกองไฟไปถามคุณครูเขามา ได้ความว่าโรงเรียนอยากปลูกฝังให้เด็ก ๆได้ใกล้ชิดกับวัฒนธรรม และ พระพุทธศาสนาตั้งแต่เล็ก ๆเพื่อจะได้ ไม่ลืม “ดั้งเดิม” ที่พวกเขาเป็นเราชอบมากเลยนะ เรารู้สึกว่าเขาใช้วิธีที่ชาญฉลาด ในการปลูกฝังเยาวชน

           เราเข้านอนแบบหลับเป็นตาย 

#TempleStay “อยู่วัด สัมผัสสัจธรรม”

          ตื่นเช้ามา เลยได้เดินชมวัดเก่า สะพานข้ามคลองและเข้าไปไหว้พระ ในวัดแบบละเอียดอีกครั้งห้องแต่ละห้อง โปร่ง เหมือนเป็นมุมรับแขกมีมุมชงชา คุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ไว้อ่านหนังสือ

          พระภิกษุมี่นี่เหมือนพระจีน คือเป็นพระมหายาน  สิ่งหนึ่ง ที่สะดุดตา สวยงามมาก ๆ คือโคมกระดาษที่แขวนไว้ บนเพดาน และห้อยคำอธิษฐานไวh

          ตอนพักค้าง Temple Stay อาหารทุกมื้อเป็นมังสวิรัติกิมจิ บิบอมบับ อร่อยไปอีกแบบ

          พอมาถึง Seoul เราไปที่Temple Stay Center เพื่อไปหาข้อมูลต่อ พบว่า ทางการเป็นผู้สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อpromote ให้ชาวต่างชาติ ได้สัมผัส วัฒนธรรมและปรัชญาของชาติ โดยแต่ละวัด ที่เปิดเป็น Temple Stay  จะได้รับการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัย บางที่เป็นเหมือนโรงแรม 5 ดาว แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ Location ที่มีเสน่ห์แตกต่างกัน เช่น บางที่เป็น ภูเขา น้ำตก แม่น้ำ โดยทุกที่ นักท่องเที่ยว จะได้ฝึกสมาธิไปพร้อมกับ การฝึกหัด เขียนพู่กัน ทำโคมกระดาษ ร้อยลูกปัด ทำอาหาร หมักกิมจิเป็นต้น

#TempleStay “อยู่วัด สัมผัสสัจธรรม”

           ทางวัด จะเตรียมชุดสำหรับพักค้างที่ Temple Stayด้วยสี Earth Tone ในตอนเช้าพระภิกษุ จะนำนักท่องเที่ยว สวดมนต์ และเดินจงกรม ไปฝึกสมาธิ ท่ามกลางธรรมชาติ  เราแทบไม่เชื่อเลยว่า เกาหลีที่เรารู้จัก

           ที่มี Pop Culture ที่สุดโต่งCapitalism ที่ฝังรากหยั่งลึก Technology ที่ทันสมัยเหล่า idolsมากมาย ที่เป็นขวัญใจ แฟนคลับทั่วโลกอีกด้านหนึ่ง คือ เกาหลี ที่แสนจะ “ธรรมดา” ที่ชักชวน ให้นักท่องเที่ยงทั่วทุกมุมโลก ได้แสวงหา “ธรรมชาติ” ภายใน จิตใจ เพื่อให้เข้าถึง “สัจธรรม”

 

cr.ภาพพระพุทธรูปและภูเขาจาก Pinterest

ขอบคุณบทความจาก Facebook www.facebook.com/ท่องไว้ไม่ได้เที่ยว-2074218429519525

แชร์