เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้"

เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้" : นักวิชาการด้านการวิจัยพระพุทธศาสนากล่าวว่า... http://winne.ws/n5969

680 ผู้เข้าชม

อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไปเพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้

เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้"ขอบคุณภาพbloggang.com
เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้"ขอบคุณภาพจาก www.bangkokbiznews.com

ขณะที่พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า 

ขอเรียนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ตนและคณะสงฆ์ พร้อมองค์กรพุทธ ไม่ได้ก่อปัญหา ไม่ได้สร้างปัญหา ไม่ใช่พวกหัวดื้อ ไม่ใช่คนทำให้สังคมสับสนวุ่นวาย 

ถ้าอีกฝ่ายทำได้ทุกอย่าง ไม่มีใครห้าม ฝ่ายรัฐก็ไม่พูดอะไร แต่อีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ได้ ผิดหมด 

อะไรคือกฎหมายและความยุติธรรมในสังคม ส่วนกรณีพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พุทธะอิสระ แจ้งเอาผิด ฐานอั้งยี่ ซ่องโจร นั้นไม่รู้สึกหนักใจอะไร 

เพราะเชื่อมั่นว่าตลอดเวลาที่ทำงานเรื่องนี้ได้ทำเพื่อคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา การสื่อสารไปถึงคณะสงฆ์ในประเทศและพระธรรมทูตในต่างประเทศทั่วโลก 

ก็ล้วนเป็นไปเพื่อการพิทักษ์ปกป้องคณะสงฆ์ ไม่ให้ถูกคุกคามย่ำยีไปมากกว่านี้ การที่องค์กรสงฆ์และพระสงฆ์ได้ยืนขึ้นมาปกป้องสถาบัน รักษาความดีงามของคณะสงฆ์ การเจริญพระพุทธมนต์เพื่อขจัดปัดเป่าภาวะคุกคาม 

สิ่งเหล่านี้จะเป็นอั้งยี่ เป็นซ่องโจร ได้อย่างไร หวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะมีดุลยพินิจทั้งในแง่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะให้ความเป็นธรรมและคำนึงถึงความสงบเรียบร้อยดีงามของสังคมและสังฆมณฑล

( ที่มา : http://www.dailynews.co.th/education/512025 )

เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้"

ดร.อุทิส ศิริวรรณ นักวิชาการด้านการวิจัยพระพุทธศาสนา กล่าวว่า

มุมมองเรื่องสถานการณ์การตั้งสังฆราช ส่วนตัวมองว่าขณะนี้สังคมไทย กำลังจับตามองว่าปัญหาจะจบลงอย่างไร 

สำหรับแวดวงการคณะสงฆ์ มองเป็น 2 ด้าน คือ ความชอบธรรมและ การขาดความชอบธรรม 

ซึ่งฝ่ายมองว่า ชอบธรรม เห็นว่าท่านเหมาะสมที่สุดที่จะเป็น และเห็นว่าท่านถูกขัดขวาง โดยสรุปก็คือ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็มีธงนำแล้วว่าจะขัดขวางจนถึงที่สุดไม่ให้ท่านได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นอันขาด 

ส่วนฝ่ายที่มองว่าไม่เหมาะสมก็มองว่าท่านสมควรที่จะเคลียร์ตนเอง เรื่องปาราชิก 4 และเรื่อง วัดพระธรรมกายรวมถึงเรื่องส่วนตัวในอดีต ซึ่งก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบจนกระจ่างแจ้ง ก็ไม่สมควรที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช 

สำหรับท่าทีคณะสงฆ์ไทย เท่าที่ทราบ ส่วนหนึ่งก็ไม่พอใจต่อบทบาทของรัฐบาล โดยมองว่ารัฐเลือกที่จะฟังและเชื่อเสียงส่วนน้อยมากกว่าเสียงส่วนใหญ่ 

ส่วนการแก้ปัญหามองว่าเรื่องปัญหาคณะสงฆ์เป็นเรื่อง ละเอียดอ่อนรัฐต้องใช้ การจัดการโดยน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ 

นั่นคือเข้าใจ และเข้าถึง วงการคณะสงฆ์ให้ใกล้ชิด อย่าให้มีระยะห่าง อย่าให้พระสงฆ์ส่วนใหญ่มองว่ารัฐ ลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติกับพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง 

โดยเฉพาะสมเด็จวัดปากน้ำ ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีพระสงฆ์ และฆราวาสนับถือกันเต็มบ้านเต็มเมืองทั้งในไทยและต่างประเทศรัฐยิ่งต้องระมัดระวังให้มาก 

อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไฟไม่สำเร็จ

การแก้ปัญหาวงการคณะสงฆ์ 

รัฐควรใช้หลักพุทธศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์จัดการแก้ไขปัญหาการคณะสงฆ์ ด้วยความยืดหยุ่น แทนที่จะใช้หลักนิติศาสตร์ซึ่งเข้มงวดและจริงจัง 

ท่าทีรัฐต่อพระสงฆ์ต้องจัดการปัญหาพระด้วยความอ่อนน้อมในฐานะชาวพุทธผู้เคารพในพระรัตนตรัย 

อะไรควร อะไรไม่ควร ก็แนะนำท่านทำให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยยึดหลักความถูกต้อง เสมอภาค  และเป็นจริง  เท่าที่ท่านจะปรับปรุงและแก้ไขให้ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายได้ ผ่อนหนักเป็นเบา 

รุนแรงก็แก้ไขด้วยความละมุนละม่อม ให้เรื่องราวทุเลาเบาบางลงไป รัฐจะได้เอาเวลาไปปกครองบ้านเมืองด้านอื่นๆ ให้สงบสุขต่อไป

ดร.อุทิส กล่าว....                                                               

เสียง..จากชาวพุทธ "อย่าโหมฟืนเร่งไฟจนเกินไป เพราะเชื้อไฟอาจลุกลามทั่วผืนแผ่นดิน จนดับไม่ได้"

ที่มา: http://wakeupbuddhist.blogspot.sg/2016/07/blog-post.html

แชร์