พ.ร.บ. สังเวชนียสถาน (บาลี) แต่ เหตุผลไม่รับร่าง พ.ร.บ. ที่น่าสังเวช (ภาษาไทย) ใจ กับพี่น้องชาวพุทธ

ชาวพุทธจะไปที่สังเวชนียสถาน แบบมีกฎหมายรองรับบ้าง.. ทำไมจึงทำไม่ได้..! : ต่อไป คนไทยทั้งชายหญิง อาจจะต้องสวมหมวก ใช้ผ้าปิดหน้า แต่ห้อยพระเครื่อง กับไม้กางเขน เป็น “นานาศาสนา : All in one” ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้.. http://winne.ws/n8123

3.1 พัน ผู้เข้าชม
พ.ร.บ. สังเวชนียสถาน (บาลี) แต่ เหตุผลไม่รับร่าง พ.ร.บ. ที่น่าสังเวช (ภาษาไทย) ใจ กับพี่น้องชาวพุทธ

พรบ. สังเวชนียสถาน (ภาษาบาลี) : เหตุผลไม่รับร่าง พรบ. ที่ควรสังเวช (ภาษาไทย)

โพสต์นี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับสถาบัน หน่วยงาน องค์กรใด.. หากพาดพิงถึง ขออภัยไว้ด้วย..

ภาษาบาลีมีอิทธิพล ต่อภาษาไทย เป็นอย่างมาก คือ ศัพท์ภาษาไทยเป็นจำนวนมาก มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี โดยเฉพาะชื่อคนไทย ศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

บางศัพท์นำมาใช้ตรงกับศัพท์เดิม หลายศัพท์ใช้ในความหมาย ที่ผิดจากภาษาบาลี เช่น ทิฐิ (ความเห็น) ใช้เป็น ดื้อรั้น /มานะ (ถือตัว) ใช้เป็น พยายาม ขยัน /อิจฉา (ความปรารถนา) ใช้เป็น ความริษยา เป็นต้น

ที่เขียนมา เพื่ออธิบายหัวข้อที่ตั้งไว้ว่า สังเวช ในภาษาบาลีและภาษาไทย

สังเวช ภาษาบาลี หมายถึง 

        ความรู้สึกเตือนใจให้ระลึกถึง ให้คิดถึงคุณงามความดี ของผู้ที่ตนเคารพนับถือ ทำให้จิตใจแช่มชื่นเบิกบาน อยากทำประโยชน์ เหมือนเช่นผู้ที่ตนระลึกถึงนั้น (สังเวช ในความหมายนี้ ใช้อธิบายความหมายของคำว่า สังเวชนียสถาน)

ส่วนคำว่า สังเวช ในภาษาไทย หมายถึง 

        ความรู้สึกเศร้าสลดหดหู่ ต่อผู้ที่ได้รับทุกข์เวทนา หรือต้องตายไป หรือต่อผู้ที่ตนเคารพนับถือ ซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสม เป็นต้น เช่นใช้ว่า "น่าสังเวชเหลือเกิน ไม่น่าประสบ เคราะห์กรรมเช่นนี้เลย"

สังเวชนียสถาน ในพระพุทธศาสนา จึงหมายถึง 

        สถานที่เป็นที่ตั้งแห่งความสังเวช สถานที่เนื่องด้วยพุทธประวัติ ซึ่งพุทธศาสนิกชนควรไปดู เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดความไม่ประมาท จะได้เร่งขวนขวายประกอบกุศลกรรม และสำหรับผู้ศรัทธาจะได้จาริกไปชม เพื่อเพิ่มพูนปสาทะ กระทำสักการบูชา อันจะนำให้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ (๑)

สังเวชนียสถาน ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในมหาปรินิพพานสูตร มี ๔ แห่ง ตามที่เรารู้กัน คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก และสถานที่ปรินิพพาน (๒)

        ดังนั้น สังเวชนียสถาน จึงเป็นสถานที่สำคัญของชาวพุทธ ที่ควรไปชม สักการะ บูชา เพื่อเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ (เป็นอย่างน้อย) ตามพุทธดำรัส

        เป็นสถานที่ ที่ชาวพุทธควรไปชม เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ให้ประมาทในชีวิต เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กระทำความดียิ่งๆ ขึ้นไป

        เป็นสถานที่ ที่ชาวพุทธควรไปสักการบูชา เพื่อเพิ่มพูนปสาทะ อันจะนำให้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์..

        ไม่ต่างจากหินกาบะห์ ที่ชาวมุสลิมไปกราบไหว้บูชา ในการไปทำพิธีฮัจย์ ! เพื่ออะไร ?

ก็เพื่อจุดมุ่งหมายตามคำสอน ของศาสนาอิสลาม ที่มีกฎหมายรองรับ และสนับสนุนงบประมาณ ฯลฯ

แต่การที่ชาวพุทธจะไปที่สังเวชนียสถาน แบบมีกฎหมายรองรับบ้าง.. ทำไมจึงทำไม่ได้..!

ที่เขียน ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก ระหว่างศาสนิกชนของพุทธและอิสลาม

       แต่เพื่อชี้แจงเหตุผล ของส่วนตัวของผมเอง กับเหตุผลที่คณะอนุกรรมาธิการด้านศาสนาฯ ได้ให้ไว้.. ตามข่าวที่ก้อปปี้ลิงค์มาให้..
(http://www.matichon.co.th/news/293566)

        หลังจากตายไปแล้ว.. บางศาสนา เขาทำเพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ของพระพรหมหรือพระเจ้า บางส่วนต้องการไปสวรรค์ ศาสนิกชนก็ทำไปตามหลักคำสอนของศาสนาตน ก็เป็นเรื่องปกติ..

แม้ว่าศาสนาพุทธ จะมีจุดมุ่งหมายเพื่อพระนิพพาน แต่จะมีกี่คนที่จะเข้าถึง..

        ศาสนาพุทธ จะมีระดับที่บอกความปรารถนาแต่ละคนไว้ ว่าต้องทำอะไร จึงจะไปเกิดเป็นอะไร บางคนต้องการแค่เกิดเป็นคน เป็นเทวดาในสวรรค์ เป็นพรหมในพรหมโลก.. บ้างก็ทำความดีไปเรื่อย ๆ เกิดเป็นอะไรก็ตามแต่ ขอให้เป็นสิ่งที่ดี (สุคติ) ก็พอ..

         ความปรารถนาที่ต่างกัน เป็นตัวกำหนดว่าจะทำอย่างไร.. แม้จะปรารถนานิพพาน แต่ทำไม่ถึงขั้นที่จะถึง ก็เป็นอย่างอื่นไปได้..

        เคยดูหนังจีน และหนังสงคราม ที่มีการแย่งชิงดินแดนกัน .. ก็ทราบดีว่า ฝ่ายต้องการแย่งดินแดน กับฝ่ายที่ปกป้องดินแดน มีความคิดต่างกัน.. ในการกระทำเพื่อครอบครองและปกป้อง..

        ดังนั้น ชาวพุทธในประเทศไทย ที่อยู่กันอย่างสงบมานาน เมื่อมีเหตุการณ์ ด้านศาสนา ในปัจจุบัน.. จึงได้แต่ทำตามเขา..!

        ทั้ง พรบ. ธนาคารพุทธฯ พรบ. สังเวชนียสถานฯ ฯลฯ ล้วนเลียนมาจาก พรบ. ที่ผ่านความเห็นชอบ และประกาศใช้ไปแล้ว แต่ปัจจุบัน.. ยังไม่ไปไหน !

        แม้จะไม่เห็นด้วย กับร่าง พรบ. สังเวชนียสถานฯ ที่ให้ไปขึ้นกับ กระทรวงมหาดไทย เพราะเห็นว่า ทำไม ไม่ให้ขึ้น ต่อหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้การบริหารจัดการซ้ำซ้อนกัน

        ที่สำคัญ อาจต้องไปเป็น “ลูกเมียน้อย (ตามภาษาเก่า)” ในกระทรวงมหาดไทย ในการจัดงบสนับสนุน..

ด้วยความเคารพในผู้เสนอ จึงไม่ขอวิจารณ์ให้มากความ..

ต่อไป คนไทยทั้งชายหญิง อาจจะต้องสวมหมวก ใช้ผ้าปิดหน้า แต่ห้อยพระเครื่อง กับไม้กางเขน เป็น “นานาศาสนา : All in one” ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้..

เท่ไปอีกแบบ..!


พิศาฬเมธ แช่มโสภา ป.ธ.๙

หินกาบะห์ ที่พี่น้องชาวมุสลิมไปกราบไหว้บูชา ในการไปทำพิธีฮัจย์ ที่เมกกะ

พ.ร.บ. สังเวชนียสถาน (บาลี) แต่ เหตุผลไม่รับร่าง พ.ร.บ. ที่น่าสังเวช (ภาษาไทย) ใจ กับพี่น้องชาวพุทธขอบคุณภาพจาก pantip.com

อ้างอิง..
(๑) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖. พระธรรมปิฎก (พระพรหมคุณาภรณ์) (ป.อ. ปยุตฺโต)

(๒) สังเวชนียสถาน ๔ คือ 
         ๑. ชาตสถาน (ที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือ อุทยานลุมพินี)
        ๒. อภิสัมพุทธสถาน (ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ คือ ควงโพธิ์ที่ตำบลพุทธคยา)
        ๓. ธัมมจักกัปปวัตตนสถาน (ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร คือ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เรียกปัจจุบันว่า สารนาถ)
        ๔. ปรินิพพุตสถาน (ที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน คือ ที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา) 
(พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖. พระธรรมปิฎก (พระพรหมคุณาภรณ์) (ป.อ. ปยุตฺโต)

       (๓) ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ (http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=10&A=1888&Z=3915)

พิศาฬเมธ แช่มโสภา ป.ธ. ๙ 

ขอบคุณบทความจาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1624553254511158&id=100008694968507

แชร์