แก้ได้จริงหรือ ? 5 วิธีแก้ปัญหา "เด็กเห็นผี" หรือเด็กร้องไห้ 3 เดือน แบบโบราณ

แก้ได้จริงหรือ ? 5 วิธีแก้ปัญหา "เด็กเห็นผี" หรือเด็กร้องไห้ 3 เดือน แบบโบราณ http://winne.ws/n8147

1.7 พัน ผู้เข้าชม
แก้ได้จริงหรือ  ? 5 วิธีแก้ปัญหา "เด็กเห็นผี" หรือเด็กร้องไห้ 3 เดือน แบบโบราณขอบคุณภาพจาก www.pregnancysquare.com

วิธีแก้ปัญหา "เด็กเห็นผี" หรือเด็กร้องไห้ 3 เดือน แบบโบราณ แก้ได้จริงหรือ  ?

        ๑. สำคัญที่สุดก็คือ ต้องตรวจสอบดูก่อนว่า ลูกเราร้องไห้เพราะเหตุใด เจ็บป่วย ปวดท้อง ไม่สบายตัวอะไรหรือเปล่า?  แต่ถ้าพิจารณาอย่างดีแล้ว หาสาเหตุไม่ได้ เข้าข่ายโคลิก ก็ต้องหาทางรักษา ทางการแพทย์ปัจจุบันก่อนนะครับ ถ้ารักษาแล้วไม่ดีขึ้น คุณค่อยทำตามในข้อ ๒ และข้ออื่นๆ ต่อไป 

         ๒. สังเกตดูว่า ลูกเรา หันไปมองที่ใดที่หนึ่งซ้ำ ๆ แล้วมีอาการกลัว หรือ ร้องไห้หรือไม่ ? (ลักษณะอย่างนี้คุณจะรู้สึกได้เอง) ถ้ามีอาการอย่างที่ว่า ก็ถือว่า เข้าข่าย "เด็กเห็นผี"

        ๓. ให้คุณตั้งใจ สวดมนต์ไหว้พระ  และบอกไปเลยครับว่า "ท่านคู่กรรมคู่เวร ที่มารบกวน ด.ช/ ด.ญ.(ชื่อ) ขอให้ท่านโปรดระงับโทษไว้ก่อน แล้วจะทำบุญอุทิศผลบุญ ไปให้ ขอให้ท่านอย่าได้มารบกวน ด.ช/ ด.ญ. (ชื่อ) นี้เลย"  แล้วก็แผ่เมตตา ให้เขาไป หลังจากนั้นก็รีบไปทำบุญ ตามที่ให้คำสัญญาไว้ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยปลา (ควรปล่อยจำนวนคู่)  ใส่บาตร หรือบริจาคเงินทำบุญกับวัด  

        ๔. ถ้าไม่ดีขึ้น คุณก็ค่อยไป ไหว้พระ ขออำนาจบารมีคุณพระรัตนตรัย มาปกป้อง คุ้มครอง ลูก (สวดคาถาชินบัญชร) เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ ลูกหยุดร้องได้ แต่ถ้ายังร้องอยู่ ก็ให้กลับไปพิจารณาข้อ ๑ ใหม่ (ปัจจุบัน ลูกสาวของผม ไม่มีใครมารบกวนแล้ว ก็ด้วย สองเหตุผล คือเลย 100 วัน กับทำบุญให้บ่อย ๆ จะมีร้อง ไห้บ้าง ก่อนจะนอน ก็เป็นอาการงอแง ตามปกติของเด็กครับ)

        ๕. การสวดมนต์ ขับไล่ เป็นวิธีที่ไม่แนะนำนะครับ เพราะจะทำให้อาฆาตพยาบาทกันต่อไป " เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร " มองในแง่ดี การที่ลูกมีปัญหาอย่างนี้จะทำให้เราได้ ตระหนักว่า เด็กคนนี้มีเจ้ากรรมนายเวร ติดตามมา ก็จะทำให้เราหาทาง แก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ เสียแต่เนิ่นๆ โอกาสที่เขาจะพบ กับวิบากกรรมในอนาคน ของเขาก็อาจจะน้อยลง หรือ ทุเลาเบาบางลง รวมไปถึงผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ก็จะได้มีโอกาสทำบุญ มากยิ่งขึ้น       

        ตัวผมเอง เล็งเห็นว่า การพิมพ์บทความนี้ มาให้ท่านทั้งหลายอ่านนั้น ก็หวังว่า อาจจะมีส่วนชักชวนให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญ มากขึ้น และเรื่องที่เล่ามาก็เป็นประสบการณ์จริง ของตัวผมเอง (ถึงแม้จะเป็นในมุมมอง ความเชื่อส่วนตัวของผมเอง ก็ตาม) แต่อยากจะวิงวอนว่า " อย่าได้งมงาย จนเกินไปนัก" 

        ผมเน้นให้ท่านทำบุญตามความเหมาะสมเท่านั้น อย่าได้คิดทำอะไรที่พิสดาร จนเกินไป ถ้าไม่สะดวกจะไปทำบุญ ก็นั่งสวดมนต์ภาวนา แล้วอุทิศผลบุญ จากการเจริญภาวนาให้คู่กรรมคู่เวร ของเด็กก็ได้ครับ ให้คิดเสียว่าการทำบุญ โดยไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนตัวเอง จนเกินไปนัก ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ที่ควร ดีกว่าที่เราจะอยู่เฉย ๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป วัน ๆโดยไม่ทำอะไรเลย       

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน (ผมขอย้ำบ่อยหน่อยนะครับ)     

       สุดท้ายนี้ บุญกุศลใด ๆ อันเกิดจากบทความนี้ ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ทั้งหลายเหล่านั้น ให้แก่ คู่กรรมนคู่เวรทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าท่านจะอยู่ ภพชาติใด ของ ด.ญ. รดา กลัมพสุต ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับ ส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านั้น โดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ และอย่าได้จองเวร แก่กันและกันอีกต่อไปเลย.

ที่มา http://www.horapayakorn.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539376230&Ntype=2

แชร์