ตำนานการเสด็จมาแห่งพระแก้วมรกต
“หากอาตมาจะสร้างพระพุทธะปฏิมากรด้วยเงินและทอง มนุษย์หญิงชายทั้งหลายในภายภาคหน้าจะลุอำนาจแห่งโลภเจตนา อาศัยน้ำใจบาปหยาบช้าที่มีกำลังมากนั้น ทำอันตรายแก่พระพุทธะปฏิมากรเป็นแน่แท้ ดังนั้นอาตมาจะสร้างพระปฏิมากรด้วยแก้วที่มีพระเดชานุภาพเป็นอันมาก” http://winne.ws/n14825
ตำนานการเสด็จมาแห่งพระแก้วมรกต
การเกิดขึ้นแห่งพระแก้วมรกตนั้น เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเสด็จปรินิพพานล่วงไปแล้ว 500 ปี มีพระมหาเถระรูปหนึ่งชื่อว่า “พระธรรมรักขิตเถระ” ซึ่งจำพรรษาอยู่ในอโศการามใกล้เมืองบุปผวดีนคร ยังมีพระมหาเถระอีกรูปหนึ่งชื่อว่า “พระนาคเสนเถระ” ผู้เป็นศิษย์ของพระธรรมรักขิตเถระ
พระนาคเสนเถระนั้น ท่านเป็นอาจารย์ของพระเจ้ามิลินทร์ เมื่อพระธรรมรักขิตเถระ ผู้เป็นอาจารย์เข้าสู่พระนิพพานล่วงไปแล้ว พระนาคเสนเถระได้คิดว่า “อาตมาจะยังบวรพระพุทธศาสนาให้โชตนาการรุ่งเรืองด้วยการทำกุศลกรรมอย่างไร?”
เมื่อคิดได้ดังนั้น ท่านก็รู้แจ้งว่าพระศาสนาจะรุ่งเรืองด้วยการอาศัยพระชินปฏิมากร คือ พระพุทธรูปที่ทำฉลองพระองค์ไว้แล้ว ท่านจึงคิดต่อไปว่า “หากอาตมาจะสร้างพระพุทธะปฏิมากรด้วยเงินและทอง มนุษย์หญิงชายทั้งหลายในภายภาคหน้าจะลุอำนาจแห่งโลภเจตนา อาศัยน้ำใจบาปหยาบช้าที่มีกำลังมากนั้น ทำอันตรายแก่พระพุทธะปฏิมากรเป็นแน่แท้ ดังนั้นอาตมาจะสร้างพระปฏิมากรด้วยแก้วที่มีพระเดชานุภาพเป็นอันมาก”
ในขณะนั้นพระอัมรินทราธิราช ทรงทราบความปริวิตกของพระนาคเสนเถระ จึงเสด็จลงมาจากดาวดึงส์พิภพ แล้วเข้าไปสู่สำนักของพระเถระ พร้อมด้วยพระวิศุกรรมเทวบุตร แล้วตรัสถามว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะสร้างพระพุทธะปฏิมากรด้วยแก้วอันมีอานุภาพมากหรือ?”
พระนาคเสนเถระจึงตอบว่า “ดูก่อนมหาบพิตรผู้เจริญ ขอถวายพระพร อาตมาใคร่จะสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วที่มีฤทธิ์นั้นจริง”
ในขณะนั้นพระอัมรินทราธิราช จึงมีเทวโองการรับสั่งแก่วิศุกรรมเทวบุตรว่า “ท่านจงไปนำเอาแก้วมณีอันมีอยู่ใกล้เขาวิบูลบรรพตนั้นมาเถิด”
พระวิศุกรรมเทวบุตร จึงกราบทูลว่า “พญากุมภัณฑ์ทั้งหลาย ไม่สามารถมอบแก้วมณีนั้นแก่ข้าพระองค์ได้”
ทันใดนั้นพระอัมรินทราธิราช จึงเสด็จไปยังภูเขาวิบูลบรรพตกับพระวิศุกรรมเทวบุตร แล้วตรัสแก่ท้าวกุมภัณฑ์ ที่ได้รักษาแก้วมณีว่า “เรามีความปรารถนาจะได้แก้วมณีดวงนี้ ท่านจงให้แก่เราในกาลบัดนี้”
พญากุมภัณฑ์จึงกราบทูลว่า “แก้วมณีดวงนี้เป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ข้าพระองค์ไม่สามารถให้ไปได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีแก้วมณีอีกดวงหนึ่ง ชื่อว่าแก้วอมรกต วัดโดยรอบแล้วมีขนาด 2 ศอกกับ 3 นิ้ว มีแก้วบริวารอีก 750 ดวง ขอพระองค์จงนำแก้วอมรกตนดวงนั้นไปเถิด”
พระอัมรินทราธิราช จึงนำแก้วอมรกตดวงนั้นมาถวายแก่พระเถระ พระนาคเสนเถระจึงกล่าวว่า “บุคคลผู้ใดจักสร้างพระปฏิมากรด้วยอมรกตนี้ ให้แก่อาตมาหนอ”
ในกาลนั้นวิศุกรรมเทวบุตร จึงเนรมิตเพศเป็นนายช่างทำแก้ว เขาไม่ได้สร้างด้วยอิทธิฤทธิ์ แต่สร้างพระแก้วอมรกตนั้นสิ้น 7 วัน 7 คืน จึงสำเร็จเป็นรูปพระปฏิมากร มีขนาดประมาณ 1 ศอกกับ 1 นิ้ว
ในกาลนั้น ฝ่ายพระนาคเสนเถระและพระขีณาสพทั้งหลาย พร้อมด้วยพระอัมรินทราธิราช และเทวดาเป็นอันมาก ได้กระทำการสักการะบูชาพระพุทธปฏิมากรแก้วนั้น สิ้น 7 วัน 7 คืน ขณะนั้นเองพระพุทธรูปแก้วอมรกตก็ได้สำแดงปาฏิหาริย์มีประการต่าง ๆ
ฝ่ายพระนาคเสนเถระจึงอธิษฐานอาราธนาพระบรมธาตุทั้ง 7 พระองค์ เพื่อให้เสด็จเข้าไปประดิษฐานอยู่ในองค์พระปฏิมากรแก้วนั้น พระบรมธาตุองค์หนึ่งเสด็จเข้าไปประดิษฐานอยู่ในพระโมลี พระบรมธาตุอีกองค์หนึ่งเสด็จเข้าไปอยู่ในพระนลาต พระบรมธาตุอีกองค์หนึ่งเสด็จเข้าไปอยู่ในพระหฤทัยฐาน พระบรมธาตุอีกสององค์เสด็จเข้าไปตั้งอยู่ในพระหัตถ์ทั้งสอง พระบรมธาตุอีกสององค์สุดท้ายได้เสด็จเข้าไปตั้งอยู่ในพระชานุทั้งสอง
พระนาคเสนเถระเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จึง ได้ทำนายไว้ว่า “พระพุทธรัตนปฏิมากรนี้ จักเสด็จไปรุ่งเรืองอยู่ในวงศ์ทั้ง 3 คือ กัมโพชวงศ์ อัมรินทวงศ์ และสยามวงศ์ เป็นอันมั่นคงนักหนา”
ความเป็นมาของพระแก้วมรกตนั้น มีหลากหลายตำนาน แต่ที่ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนและเก่าแก่แห่งหนึ่ง คือ “คัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์” ซึ่งเป็นวรรณกรรมภาษาบาลี ที่แต่งขึ้นในช่วงยุคทองของพระพุทธศาสนาเถรวาทในอาณาจักรล้านนา และนับเป็นวรรณกรรมที่ถูกใช้อ้างอิงในฐานะเอกสารตำนานพงศาวดารบ่อยครั้งที่สุด เคียงคู่ไปกับ “จามเทวีวงศ์” และ “ตำนานมูลศาสนา” เพราะมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของแว่นแคว้นฝ่ายเหนือ เช่น หริภุญไชย โยนก ล้านนา เรื่องพระพุทธสิหิงค์ เรื่องมหาธาตุเชียงใหม่ และประวัติราชวงศ์มังราย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง “ชินกาลมาลีนี” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “ชินกาลมาลีปกรณ์” จึงกลายเป็นเอกสารสำคัญของทั้งฝ่ายพุทธจักร และฝ่ายอาณาจักร
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
https://timeline.line.me/post/_dcw9JhabIy0A3WWc-L7pW-GZF1h8I5m0vZkN50I/1149207999803062619