“คามิชิราเกะ” สถานีรถไฟ ที่ไม่ตายจากความดี
ณ สถานีรถไฟคามิ ชิราเกะ ตั้งอยู่ที่เกาะฮอกไกโด เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นสถานนีรถไฟแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานีรถไฟสายแห่งความทรงจำเลยทีเดียวไม่ใช่เพราะความเร็วหรือความทันสมัย แต่มีความพิเศษคือ http://winne.ws/n19104
“คามิชิราเกะ” สถานีรถไฟ ที่ไม่ตายจากความดี
ถ้าพูดถึงสิ่งดีๆในประเทศญี่ปุ่น ที่เราประทับใจคือความมีวินัยและเป็นผู้ที่รู้จัก "เป็นผู้ให้ก่อน" ประสบการณ์จากนักท่องเที่ยวไทยหลายๆ คนที่ผมได้อ่านคือ ประทับใจก็ตอนหลงทางในเมืองหลวงอย่างโตเกียวนี้แหละ เมื่อเราไปถามทางกับคนญี่ปุ่น ถ้าเค้าสะดวกเค้าจะพาเราไปส่งจนถึงที่ที่เราจะไปเลยทีเดียว
และนี้คือความความมีน้ำใจของคนญี่ปุ่นที่เค้าตระหนักถึงความเป็นผู้ให้ก่อนซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความประทับใจ ทำให้คนที่มาแล้วอยากจะกลับไปเยือนอีกครั้ง
วันนี้จึงมีเรื่องจริงที่เกี่ยวกับการเป็นผู้ให้ก่อนมาเล่าให้ประทับอยู่ในใจอีกครั้ง
ณ สถานีรถไฟคามิ ชิราเกะ ตั้งอยู่ที่เกาะฮอกไกโด เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นสถานีรถไฟแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานีรถไฟสายแห่งความทรงจำเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะความเร็วหรือความทันสมัย แต่มีความพิเศษคือ ณ สถานีรถไฟแห่งนี้ ในหนึ่งวันจะมีรถไฟวิ่งมาเทียบชานชาลาวันละเพียงสองรอบเท่านั้นคือ เช้ากับเย็น โดยทั้งสองรอบก็เพื่อมารับเด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลาย คนธรรมดาเพียงคนเดียวเท่านั้นเธอชื่อว่า คานะ ฮาราดะ (Kana Harada)
จริงๆ หลายปีมานี้ทางการรถไฟมีนโยบายที่จะยุบสถานีนี้ เหตุเพราะที่ผ่านมามีผู้โดยสารมาใช้บริการน้อย แต่เมื่อได้ทราบว่ายังมีนักเรียนหญิงคนนึงจำเป็นต้องใช้รถไฟสายนี้โดยสารไปโรงเรียนทุกวัน ทางการรถไฟเลยสรุปว่าควรให้บริการรถไฟต่อไปจนกว่าเธอจะเรียนจบมัธยมปลาย
และยิ่งไปกว่านั้น ยังอำนวยความสะดวกโดยได้ปรับเวลาให้ตรงกับเวลาเรียนของเธอทั้งเวลาเช้าและเย็น นั่นคือเหตุที่มีรถไฟเพียงสองเที่ยวต่อวันเท่านั้น คือ ตอนเช้าเวลา 7.04 น. และกลับในเวลาเย็นคือ 17.08 น.
เวลาผ่านไปเมื่อคานะ ฮาราดะเรียนจบแล้ว แม้สถานีจะหยุดบริการและร้างไป แต่สถานีรถไฟแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานีแห่งความทรงจำของชาวญี่ปุ่นและเรื่องราวที่เล่าต่อกันมายังสร้างความประทับใจแก่คนทั่วโลกที่ร่วมชื่นชม “การเป็นผู้ให้ก่อน” ของชาวญี่ปุ่นเท่าเอง
ณ หลายประสบการณ์ที่เราเห็นผ่านมาคงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่น ทั้งซึนามิ ดินถล่ม หรือพายุเข้า แม้จะรุนแรงสร้างความเสียหายสักแค่ไหน แต่หลังนั้นไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน ด้วยความตระหนักของการมองเห็นส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตนและความมีวินัย ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม อย่างที่แม้เราเองก็ยังสงสัยว่าเค้าทำได้อย่างไร
ความรักที่จะให้และตระหนักต่อความรับผิดชอบต่อส่วนรวมไม่ได้ปลูกฝังเพียงวันเดียว ญี่ปุ่นเองต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความกดดัน ฝึกประชากรของตนด้วยความกล้านานนับหลายสิบปีจนสามารถยืนหยัดสู่ความเป็นผู้นำ ณ จุดนี้ได้ และถ้าเราอยากจะเป็นอย่างเขา เราก็ต้องตั้งใจทำอย่างจริงจัง อดทน ทำอย่างมีวินัย แล้วสักวันเราก็จะไปยืนอยู่ ณ จุดนั้น ได้เหมือนกัน เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
By นายริตะ
Youtube By
meto メト