ดวงดาวในจักรวาลมีผลต่อชีวิตมนุษย์ !?!
เชื่อมั๊ย? มนุษย์มีกายและใจเชื่อมโยงกับจักรวาล ดวงดาวแต่ละดวงมีผลต่อทั้งสุขภาพและความเป็นความตายของมนุษย์ จริงหรือที่ใคร ๆ เขาว่ากัน “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ... http://winne.ws/n19422
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบดู “ดาว”ในท้องฟ้ายามราตรี คงจะมีความคิดตรงกันว่า โลกมนุษย์เรานั้นช่างเล็กเสียเหลือเกินเพราะยังมีสิ่งที่ลี้ลับและไม่สามารถค้นหาคำตอบได้อีกมากมายรวมทั้งก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า ชีวิตมนุษย์ที่เกิดมามีความสัมพันธ์กับดาวในจักรวาลอย่างไรและดวงดาวเหล่านั้น มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตมากน้อยขนาดไหน?
ในสมัยพุทธกาลนั้น พระพุทธเจ้าเคยตรัสถาม “พระอานนท์” ว่าทรายที่ท่านกอบจากท้องทะเลซึ่งอยู่ในมือท่าน กับทรายในท้องทะเลอย่างไหนมากกว่ากันพระอานนท์ตอบว่า ทรายที่อยู่ในมือมีน้อยกว่า พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบไปว่าดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้านั้น มีมากกว่าทรายในท้องทะเลอีก และนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยตีความและค้นหาคำตอบว่ามนุษย์กับดวงดาวในจักรวาลนั้นมีความสัมพันธ์และข้องเกี่ยวกันอย่างไร
อาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์ ผู้อำนวยการอโรคยาสถานและที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อการพัฒนาแพทย์ทางเลือกประเทศไทย ยกตัวอย่างให้ฟังว่า เวลาที่เราโมโห ดีใจหรือเสียใจจะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนซึ่งสามารถสะท้อนออกไปจากตัวเราและเดินทางเคลื่อนเข้าไปในอวกาศได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแต่จะไปหยุดอยู่ที่ “หลุมดำ” เพราะหลุมดำมีแรงดึงดูดเป็นก้นหอยเข้าไปหาใจกลางของกาแล็กซี่
จากนั้น หลุมดำก็จะบันทึกเอาไว้ว่า คนเราทำอะไรมาบ้าง ทั้งดีและไม่ดีขณะที่ร่างกายของมนุษย์นั้น จะมีเซลล์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “นิวคลิโอไทด์” เซลล์นี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของมนุษย์หรือควบคุมดีเอ็นเอเจ้านิวคลิโอไทด์นี้นี่เองก็จะรับบันทึกคุณงามความดีจากหลุมดำที่ส่งคลื่นเสียงสะท้อนกลับมา
ถ้าเราทำความชั่ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อย นิวคลิโอไทด์ก็จะสั่นสะเทือนผิดปกติและก็หลั่งสารชนิดหนึ่งออกมาเรียกว่า “สารแห่งความตาย” ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยและตายในที่สุด
“คุณไม่เคยสงสัยหรือว่า ทำไมมนุษย์ต้องแก่ตายทำไมไม่อยู่ไปเรื่อย ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความชั่วที่ถูกบันทึกไว้จะเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณและเป็นข้อมูลที่ไม่มีวันผิดพลาด” ฟังอาจารย์ศุภชัยแล้วใครที่ทำชั่วไว้ก็เตรียมตัวเตรียมใจกันเอาไว้ได้เลย เพราะยังไง ๆ ก็ไม่รอดแน่
ประเด็นสำคัญที่จะต้องอธิบายเป็นประการถัดมา และเชื่อว่า หลายคนคงไม่รู้นั่นก็คือ “ความสัมพันธ์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายกับจักรวาล” ที่ดำรงอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ยกตัวอย่างเช่น...
หัวใจและลำไส้เล็กได้รับอิทธิพลของสนามแม่เหล็กจากดาวอังคาร
ปอดและลำไส้ใหญ่ได้รับอิทธิพลของดาวพระศุกร์
กระเพาะและม้ามได้รับอิทธิพลของดาวเสาร์
ตับและถุงน้ำดีได้รับอิทธิพลของดาวพฤหัสบดี
ไตและกระเพาะปัสสาวะได้รับอิทธิพลของดาวพุธ
นอกจากนั้น มนุษย์แต่ละคนเวลาที่เกิดมาก็อยู่ในจังหวะที่ดวงดาวหมุนวนรอบโลกไม่เหมือนกันอีกด้วยตรงนี้ อาจารย์ศุภชัยอธิบายว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าโลกเรานั้นหมุนรอบตัวเองแล้วก็หมุนรอบดวงอาทิตย์ด้วยเพราะฉะนั้นตำแหน่งจังหวะเวลาที่เราเกิด ดวงดาวจึงอยู่ในตำแหน่งไม่เหมือนกันซึ่งตำแหน่งของดวงดาวเหล่านั้นมีความสำคัญกับพลังงานในร่างกายมนุษย์ เพราะว่าตำแหน่งของดวงดาวจะส่งพลังประจุและปราณผ่านเข้ามาทางจุดชีพจรจากนั้นจึงเข้ามาทำปฏิกิริยากับสนามแม่เหล็กในร่างกายมนุษย์
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้คนมีโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ธรรมชาติร่างกายของมนุษย์ทุกคนก็จะมีจุดอ่อนอยู่ 3 เดือนคือเป็นจุดอ่อนในช่วงที่ไม่ได้อยู่ในครรภ์ของผู้เป็นแม่ทำให้ได้รับพลังงานจากจักรราศีได้เพียงแต่ 9 เดือนเท่านั้น
สมมติว่า คุณเกิดในเดือนธันวาคม เดือนที่ร่างกายอ่อนแอและมีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วยมากที่สุดต้องนับย้อนหลังไปอีก3 เดือน ซึ่งก็คือ เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคมและมกราคมส่วนเดือนที่อ่อนแอที่สุดก็คือเดือนกุมภาพันธ์ที่มีความสัมพันธ์กับถุงน้ำดีดังนั้น คุณก็มักจะเจ็บป่วยที่ข้องเกี่ยวกับถุงน้ำดีเพราะฉะนั้นจะต้องดูแลเรื่องการกินอาหารมันๆ เนื้อสัตว์ที่ติดมันหรือกะทิ เป็นต้น
หรือถ้าคุณเกิดกันยายน 3 เดือนที่อ่อนแอก็จะประกอบด้วยเดือนตุลาคมพฤศจิกายนและธันวาคม และเดือนที่มีปัญหามากที่สุดก็คือพฤศจิกายนซึ่งต้องระมัดระวังเรื่องไตและไม่ควรอั้นปัสสาวะไว้
ทีนี้ ในกรณีที่คนๆ นั้นคลอดออกมาก่อนกำหนด 9 เดือนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ต้องผ่าออกก่อนเมื่ออายุครรภ์ได้เพียงแค่ 7 เดือนก็ย่อมหมายความว่า คนๆ นั้น จะขาดพลังของจักรราศีที่ควรจะได้รับไปจึงทำให้มีโอกาสที่จะอ่อนแอและมีอาการผิดแผกแตกต่างไปจากธรรมชาติ
ส่วนถามว่า เรื่องเพศมีความสำคัญกับโรคภัยไข้เจ็บหรือไม่อาจารย์ศุภชัยบอกว่า มีอย่างแน่นอนโดยผู้ชายจะมีจุดอ่อนอยู่ที่อวัยวะซึ่งมีลักษณะทึบตัน ได้แก่ ตับ หัวใจขณะที่ผู้หญิงจะมีจุดอ่อนอยู่ที่อวัยวะกลาง เช่น กระเพาะ ลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ
มาถึงตรงนี้ คนที่เกิดเดือนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างให้ฟังข้างต้นคงอยากรู้กันบ้างแล้วว่าเดือนที่อ่อนแอที่สุดของคุณคือเดือนอะไรและจำเป็นต้องระมัดระวังโรคภัยไข้เจ็บประเภทไหน... เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้าคงต้องติดตามกันต่อไป
ขอขอบคุณ : Uncle Fat & ผู้จัดการการออนไลน์ - ผู้จัดการสุขภาพ
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9470000000431