วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบในมุมมองของแต่ละคนนั้น อาจมีความหมายที่แตกต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าความสุขจากทรัพย์คือความสุขที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ http://winne.ws/n24669

1.6 พัน ผู้เข้าชม

     บางคนก็คิดว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียสละนั้นคือความสมบูรณ์แบบและบางคนอาจคิดว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานคือความสมบูรณ์แบบ

วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน

        วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือนถ้าเราอยากรู้ว่าการที่เราเกิดมาแล้วในชาตินี้นั้นคุ้มค่าหรือไม่ สำเร็จหรือไม่สามารถเอา วัฑฒิสูตร เป็นตัววัดได้เลย มีทั้งหมด 10 ข้อ ในวัฑฒิสูตร ทั้ง 10 ข้อนั้นท่านแบ่งเป็น 2 อย่าง คือ ถ้าเกิดมาคุ้ม ต้องประกอบด้วย โลกียทรัพย์ 5 ประการ และ อริยทรัพย์ อีก 5 ประการ ถ้ามีครบทั้ง 10ข้อนี้ก็คุ้มค่า 100%

        การเจริญด้วยโลกียทรัพย์ 5 ประการถ้าอยู่ในช่วงที่บุญส่งผลจะทำให้เราเจริญด้วยสิ่งเหล่านี้ คือ

        1. เจริญด้วยนาและสวน หมายถึง อสังหาริมทรัพย์(ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้)ทั้งหลาย เช่น ตึกราม บ้านช่อง ที่ดิน ที่มีไว้ในครอบครอง ฯลฯ

        2. เจริญด้วยทรัพย์และข้าวเปลือก หมายถึงสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย(ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้) เช่น เงินสด เงินฝากหุ้นที่ถืออยู่ เครื่องประดับมีค่าทั้งหลายที่มีไว้ในครอบครอง ฯลฯ

        3. เจริญด้วยบุตรและภรรยา คือ มีครอบครัวดี

        4. เจริญด้วยลูกน้องและบริวาร ในสมัยพุทธกาลใช้คำว่าทาส กรรมกรและคนใช้ ในปัจจุบันคือลูกน้อง พรรคพวก บริวาร ที่ดี มีความสามารถ ช่วยงานเราได้ดี

        5. เจริญด้วยสัตว์ 4 เท้า เช่น ช้าง ม้าแพะ แกะ วัว ควาย ฯลฯ ในปัจจุบันก็คือ มียานพาหนะในการอำนวยความสะดวกหรือมีอุปกรณ์ในการทำงานที่สะดวก เพราะสมัยก่อนต้องใช้สัตว์ 4 เท้าเป็นเครื่องมือในการทำงาน แต่ในปัจจุบันอาจต้องใช้เครื่องจักรคอมพิวเตอร์ มีโรงงานในการทำงาน

        โลกียทรัพย์ทั้ง 5 ประการนี้ได้มาด้วยอำนาจของบุญที่สั่งสมทานบารมีไว้มากและถึงพร้อมด้วยความเป็นผู้มีหัวใจเศรษฐี 4 ประการด้วย คือ

        1. อุฏฐานสัมปทาน แปลว่า ขยันทำงานหาทรัพย์

        2. อารักขสัมปทาน คือ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์

        3. กัลยาณมิตตา คือ มีเพื่อนดี มีเครือข่ายคนดี

        4. สมชีวิตา คือ ใช้ทรัพย์พอสมตัว

        ในสมัยโบราณเวลาจะทำบุญ ขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านใหม่จะนิมนต์พระไปทำพิธี พระท่านก็จะสอนหัวใจเศรษฐี บางครั้งท่านก็เขียนยันต์ว่า อุ อา กะ สะ โยมก็ชอบเพราะรู้สึกว่าขลังดี ได้ยันต์แล้วรวยเอาๆ ความจริงแล้ว 

        อุ  ก็ย่อมาจาก อุฏฐานสัมปทาน คือ ขยันทำงานหาทรัพย์นั่นเองถ้าไม่ขยันทำงานทรัพย์ก็ไม่มา เป็นหัวใจเศรษฐีข้อแรก ข้อนี้คนทั่วไปมักจะพอรู้อยู่แต่นึกว่ามีแค่ข้อเดียว คนไหนที่ขยันทำงานแล้วเห็นว่ายังไม่รวย ก็ให้ไปตรวจดูว่าอีก3 ข้อที่เหลือนั้นเราสมบูรณ์หรือไม่

วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน

        อา ย่อมาจาก อารักขสัมปทาน คือ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ ในข้อที่ 2ท่านบอกว่า หามาได้เท่าไหร่ก็ต้องรู้จักเก็บรักษาแล้วจะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นเศรษฐีได้

        กะ ย่อมาจาก กัลยาณมิตตา คือ มีเพื่อนดี มีเครือข่ายคนดีถ้าเราคบเพื่อนอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น อย่างที่โบราณว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิดคบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ท่านจึงบอกว่าถ้าอยากรวยเป็นเศรษฐีต้องคบคนดีเพราะนอกจากเขาจะไม่เอาความเสื่อมมาให้เราแล้วเขายังเอาโอกาสและช่องทางมาให้เราด้วย

        ปัจจุบันคำว่า สายสัมพันธ์ (connection) นั้นสำคัญมากการรู้จักคนนั้นคนนี้มาก ถึงคราวจะทำธุรกิจอะไร ชวนมาร่วมหุ้นลงทุนกันว่ากันว่าสายสัมพันธ์

        (connection) นั้นเมื่อตีราคาแล้วเงินสิบล้าน ร้อยล้านยังซื้อไม่ได้เลยฉะนั้นเครือข่ายคนดีเพื่อนดีที่เราคบหานั้นจะมีส่วนในการเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างมาก

      คนจีนที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วตั้งตัวได้เร็วก็เพราะเขามีเครือข่ายคนดีเกิดขึ้น จะเห็นว่าคนจีนเขาชอบตั้งสมาคม มีการรวมตัวกันถ้ามีคนจีนที่เพิ่งย้ายมาใหม่และยังไม่รู้จักใครก็ต้องรีบไปหาก่อนว่ามีคนบ้านเดียวกันอยู่แถวไหนบ้าง ให้มีผู้หลักผู้ใหญ่ฝากฝังมาก็สามารถช่วยเหลือกันได้ในหลายๆ ด้านทำให้คนมาใหม่มีกำลังใจและตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ถือว่ารอดตายแล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ขยับขยายสร้างเนื้อสร้างตัวได้ในที่สุด

        การมีเครือข่ายคนดีคอยช่วยเหลือกันนั้น ทำให้สามารถตั้งหลักได้ง่ายและคนที่ช่วยก็ไม่สูญเปล่า เพราะเมื่อผู้ถูกช่วยประสบความสำเร็จในชีวิตวันใดวันหนึ่งเขาจะมีความกตัญญูรู้คุณ สอนไปถึงลูกหลานว่าที่ตัวเองมีวันนี้ได้เพราะคนนั้นคนนี้คอยช่วยเหลือเอาไว้ลูกหลานทั้งหลายจึงต้องสำนึกในบุญคุณเขาเอาไว้ในอนาคตมีอะไรขึ้นมาถ้าช่วยได้ต้องไปตอบแทนบุญคุณท่าน เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่อยู่มาก่อนพอที่จะมีกำลัง การจะช่วยคนมาใหม่นั้นก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งช่วยมากก็ยิ่งได้คนมีฝีมือมาทำงานมากก็จะมีคนที่สำนึกในบุญคุณเราคอยเป็นกำลังในด้านต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นถ้ามีเพื่อนและมีพวก ความสะดวกก็มี ความสำเร็จก็จะรออยู่ข้างหน้า คนไหนไปเดี่ยวๆคนเดียวนั้นมักจะรอดยาก เครือข่ายคนดีจึงมีความจำเป็นมาก

 

       สะ ย่อมาจาก สมชีวิตา คือ การใช้ทรัพย์พอสมตัวหมายถึงการใช้จ่ายที่ไม่เกินตัว โบราณสอนว่า มีสลึง พึงบรรจบ ให้ครบบาทอย่าให้ขาดสิ่งของ ต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อย ค่อยบรรจง อย่าจ่ายหลงให้มากจะยากนาน แต่ปัจจุบันนี้ต้องสอนใจตัวเองมากกว่าเดิมเป็น 10 เท่าเพราะตอนนี้มีบัตรเครดิต เมื่อนำไปรูดก็ติดลบได้ง่ายๆ เป็นการใช้เงินในอนาคตมีดอกเบี้ยแพงมาก รูดไปรูดมาจนเพลินก็มีหนี้ท่วมหัวทำให้กลุ้มใจได้ตลอดเขาบอกว่าความสุขที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความสุขจากการไม่มีหนี้ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องใช้จ่ายให้สมตัว อย่าให้เกินตัว อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใช้สิ่งที่จะช่วยได้คือการทำบัญชีง่ายๆ แค่เขียนว่าวันนี้จ่ายอะไรไปบ้างเงินที่ออกไปไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ให้จดหมด รวมแล้ววันนี้ใช้ไปเท่าไหร่ทั้งรายรับและรายจ่ายให้เขียนจดไว้ทุกวัน แค่เราทำบัญชีอย่างนี้ทุกวันเท่านั้นเองเมื่อเรามานั่งดูเราจะเห็นเลยว่าเราใช้ไปได้อย่างไรตัวนั้นตัวนี้ที่มันไม่จำเป็นเลย จะทำให้เราคิดได้ว่าถ้าเราตัดรายการซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไปจะทำให้เรามีเงินเหลือเท่าไหร่จะทำให้วางแผนได้ ฉะนั้นถ้าอยากเป็นเศรษฐีก็ต้องเห็นคุณค่าของเงินเริ่มลงมือทำบัญชีแล้วควบคุมการใช้จ่ายของเราให้รัดกุมตั้งแต่วันนี้ ถ้าได้ 4ข้อนี้ คือทั้ง ขยัน รู้จักเก็บ มีเพื่อนดี ใช้จ่ายพอสมตัวอย่างนี้รวยแน่นอน

        การเจริญด้วยอริยทรัพย์ อีก 5 ประการเป็นการสร้างบุญใหม่ให้กับเรา ถ้าเราใช้แต่บุญเก่าโดยไม่สร้างบุญใหม่เมื่อบุญหมดก็แย่ ฉะนั้นถ้าเรามีบุญเก่าดีแล้วกำลังที่เราจะสร้างบุญใหม่ก็ย่อมง่ายดังนั้นต้องเอาบุญต่อบุญ ใช้จังหวะโอกาสที่มาถึงเรานั้นมาสร้างบุญใหม่จะสร้างบุญใหม่ได้ต้องมี 5 อย่าง คือ

        1. เจริญด้วยศรัทธา

        2. เจริญด้วยศีล

        3. เจริญด้วยสุตะ แปลว่า ความรู้ ซึ่งมาจากการฟัง สุตะ แปลว่าฟัง

        4. เจริญด้วยจาคะ คือรู้จักการเสียสละ การบริจาค การให้ทาน

        5. เจริญด้วยปัญญา

        ทั้ง 5 ข้อนี้คือ อริยทรัพย์ติดตัวคนที่มีศรัทธาจะเป็นตัวเริ่มต้น ต้องมีศรัทธาถ้าไม่มีบุญอย่างอื่นก็จะไม่เกิดมันต้องมีศรัทธาก่อนถึงจะมีอารมณ์ทำบุญ รักษาศีล นั่งสมาธิถ้าไม่มีศรัทธาแล้วแม้แต่บาทเดียวก็ไม่อยากให้ แต่ถ้ามีศรัทธาแล้วก็ถึงไหนถึงกัน

        ศรัทธา คือ ความเชื่อมั่น เลื่อมใสในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์นั่นเอง ถ้าไปเชื่อหมอดู ไสยเวทย์ต่างๆ นั้นแล้วเขาไม่เรียกว่าศรัทธาแต่เขาเรียกว่างมงายเพราะไม่มีเหตุผล

        การเจริญด้วยศีล คือต้องมีศีล อย่างน้อยศีล 5 ในวันพระหรือวันสำคัญพิเศษต่างๆเช่น วันเกิด ก็ควรรักษาศีล 8 ถ้าเรารักษาแต่ศีล 5 อย่างเดียว บางจังหวะเกิดใจตกเดี๋ยวจะไปทำผิดศีลเข้า เราจึงควรยกใจเราให้สูงขึ้นนอกจากศีล 5 เป็นพื้นแล้วยังขยับมาเป็นศีล 8 เป็นระยะด้วย พอใจเราเข้มแข็งถึงศีล 8 ได้ถึงเวลาจะร่วงลงมาอย่างน้อยก็ยังอยู่ที่ศีล 5 ยังเอาตัวรอดได้เพราะถ้าหลุดศีล 5 เมื่อไหร่ก็อันตรายจึงควรต้องมีศีลเป็นเกราะแก้วคุ้มครองผองภัยให้เรา โดยมีศีล 5 เป็นพื้น

        การเจริญด้วยสุตะ คือ ความรู้ความรู้ในที่นี้เราเน้นที่ความรู้ในธรรมะ คือรู้ว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาปอะไรดีอะไรชั่ว อะไรเป็นกุศลหรืออกุศล รู้ว่าเราเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไมตายแล้วจะไปไหน ความรู้ 3 ข้อนี้สำคัญมากคำว่าตายแล้วจะไปไหน จะโยงไปถึงคำตอบสุดท้ายว่าเป้าหมายสุดท้ายของชีวิตเราคือที่ใด นี่คือความรู้พื้นฐานของชีวิตมนุษย์และคุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์คือ การรู้ว่าเราเกิดมาสร้างบารมีรู้ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาแล้วตายในชาติเดียว มันต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายภพหลายชาติจะเกิดแล้วดีหรือไม่ก็อยู่ที่บุญบาปที่สร้างไว้ ใครสร้างบุญไว้มากเกิดมาก็สบายใครสร้างบาปไว้มากเกิดมาก็ลำบาก พิการ ยากจน มีปัญหาและอุปสรรคในชีวิตมากมายต้องมีความเข้าใจตรงนี้ รู้วงจรพื้นฐานชีวิตอย่างนี้นี่คือความรู้ที่สำคัญเพราะเป็นความรู้ที่ทำให้เราเองเอาตัวรอดได้ มีความรู้ทางโลกไว้ทำมาหากินแต่ถ้าไม่มีความรู้ทางธรรมเลยก็ยังไม่แน่ว่าจะรอดหรือไม่ตายแล้วจะไปอบายหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แต่ถ้ารู้ทางโลกพอประมาณแล้วรู้ทางธรรมดีรู้บุญรู้บาป รู้ดีรู้ชั่ว รู้กาลควรไม่ควร เราก็จะรอด สั่งสมบุญมากขึ้นๆเราก็จะรอดแล้วไปสวรรค์ได้

        การเจริญด้วยจาคะ คือรู้จักการเสียสละ การบริจาค การให้ทานคือเป็นการสละทรัพย์สินสิ่งของเป็นทานหรือจะเป็นการสละอารมณ์ที่ไม่ดีให้เป็นทานก็ตาม อารมณ์โกรธต่างๆไม่เก็บไว้ในใจสละออกไปเลย  สิ่งนี้จะเป็นอริยทรัพย์ติดตัวเราไปด้วย

        บุญที่เราเองสั่งสมไว้ในพระพุทธศาสนาที่ถูกเนื้อนาบุญนั้นมีอานิสงส์มหาศาล ถ้าเราเห็นบุญแล้วเราจะปลื้มใจ เวลาบนโลกมนุษย์นั้นสั้นอายุเฉลี่ยมนุษย์แค่ 75 ปี แต่บนดุสิตบุรี สวรรค์ชั้น 4นั้น อายุขัยของเทวดานางฟ้าบนนั้นเท่ากับ 576 ล้านปีเมื่อเราทำความดีแล้วบุญส่งอยู่บนสวรรค์มีความสุขที่เป็นทิพย์มีรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม ดูราวมีอายุประมาณ 16-18 ปีอยู่อย่างนั้นจนตลอดอายุขัย576 ล้านปีเลย ผู้หญิงนั้นสวยงามกว่านางงามจักรวาลอีกนางงามจักรวาลนั้นยังสวยไม่จริงเสียด้วยซ้ำแต่ว่าเลือกเอาที่พิการน้อยที่สุดเขาเลยยกให้เป็นนางงามจักรวาล

        สมบัติทั้งหลายบนสวรรค์ก็ครบถ้วนบริบูรณ์หมดด้วยอำนาจแห่งบุญที่สร้างไว้ ฉะนั้นเมื่อเราเกิดมามีโอกาสรู้อย่างนี้แล้วก็ควรขยันตั้งใจทำความดีกันให้มากๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนาบุญทุกบาทที่เราทำมันให้ผลยิ่งกว่าพันล้านเท่าอีก ฉะนั้นให้อยู่ในบุญแล้วปลื้มปีติในบุญทุกบุญที่เราได้ทำนึกถึงบ่อยๆ แล้วตั้งใจทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไปบุญนั้นจะส่งผลให้เราปิดอบายไปสวรรค์ได้อย่างแน่นอน

        การเจริญด้วยปัญญา ตรงนี้จะเป็นตัวคุมท้ายภาพรวมทั้งหมดเลยทำให้เข้าใจทุกอย่างได้ดี มีปัญญา รู้ที่มาที่ไป เมื่อมีปัญหาอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นก็สามารถแก้ไขได้มีปัญญามองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด ซึ่งจะเกิดขึ้นจากใจที่ใสๆ อยู่ในสมาธิเป็นปัญญาขั้นสูง ที่หลวงพ่อเคยบอกไว้ว่า “เมื่อคิดอะไรไม่ออก ให้ออกจากความคิดทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก” ให้จำสูตรนี้เอาไว้ เพราะนี่คือปัญญาที่เกิดจากการรู้แจ้งภายในจากการภาวนา

        ทั้ง 5 ข้อนี้จะเป็นทางมาแห่งอริยทรัพย์เป็นบุญใหม่ที่เราสร้างให้เรามีความสุข ไม่ต้องรอชาติหน้าคือสุขตั้งแต่ชาตินี้ส่งผลไปถึงชาติหน้า ส่งผลไปถึงทุกภพทุกชาติจนถึงที่สุดแห่งธรรมเลยเหมือนที่นางวิสาขาเคยทำได้ ซึ่งเป็นแบบอย่างทางฝ่ายหญิงที่ดีมาก อริยทรัพย์ 5ประการ นางวิสาขามีครบ โลกียทรัพย์ 5 อย่างก็มีครบถ้วนหมด

ขอบคุณธรรมะจากรายการ ข้อคิดรอบตัว

วัฑฒิสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยความเจริญของผู้ครองเรือน
แชร์