พรานป่ากลับใจ!! เมื่อเห็น"ไฟจากมหานรก"
หากจะสึก หากสามเณรตายแล้ว ก็ต้องลงไปทนทุกขเวทนา ในอเวจีมหานรกนี้ เพราะบาปกรรมที่เคยทำไว้ แต่ถ้ายึดเอาพระศาสนาเป็นที่พึ่งทำมรรคผลให้เกิด นั่นแหละจึงขึ้นจากนรกได้ เพราะมรรคผลเป็นเครื่องปิดประตูแห่งอบาย http://winne.ws/n24748
ในเรื่องของกรรม หลายคนคงพอจะนึกภาพออกว่า ใครที่คิดจะหนี หนีอย่างไรก็คงหนีไม่พ้นเป็นแน่!! ผู้ไม่รู้อาจคิดว่าไม่ผิด แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย..อีกหนึ่งเรื่องราว ที่จะเป็นเครื่องเตือนใจให้กับหลาย ๆ คน ซึ่งเป็นเรื่องราวของบุรุษหนุ่มผู้เป็นพรานไพรใจบาป ท่องเที่ยวไปในอรัญราวป่าเพื่อล่าเนื้อมาเลี้ยงชีพเป็นกิจวัตรไม่เคยขาดเลย!!
วันหนึ่ง พรานไพรเข้าไปในป่าเช่นเคย และเมื่อล่าสัตว์ได้ ก็จัดการย่างด้วยถ่านไฟ และกินจนอิ่มหนำเสร็จแล้วก็ออกเที่ยวล่าสัตว์ต่อไป..
จนกระทั่งเขารู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา จึงแวะเข้าไปที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพระภิกษุฝ่ายอรัญวาสี เห็นหม้อน้ำตั้งอยู่ จึงปรี่เข้าไปหวังจะได้ดื่มน้ำ แต่พอเปิดฝาหม้อขึ้นมา กลับเห็นว่าไม่มีน้ำ ก็รู้สึกขัดเคืองใจ จึงตะโกนร้องขึ้นว่า..
"เว้ย… เฮ้ยพระสมณะ ใครอยู่ที่นี่ เป็นคนขี้เกียจเสียจริง กินข้าวปลาของชาวบ้านแล้วก็นอนหลับสบายใจ ดูรึน้ำท่าในตุ่มแม้แต่พอเปียกชุ่มมือ ก็ไม่มีปัญญาจะหามาใส่ ช่างกระไร จึงเป็นคนชั่วชาติถึงปานนี้ เขาบ่นพึมพำในตอนท้ายด้วยความไม่พอใจ
พระมหาเถระ ได้ยินเสียงกล่าวผรุสวาทเช่นนั้น ก็แปลกใจว่าได้ตักน้ำไว้จนเต็มแล้ว ไฉนจึงไม่มีน้ำ ท่านจึงออกไปดู เห็นน้ำยังเต็มหม้อปกติ จึงชี้บอกพรานไปว่า "นี่ไงเล่าน้ำ เชิญท่านตักดื่มเอาเองตามใจเถิด"
เป็นสมณะ ทำไมมาโกหกซึ่ง ๆ หน้า เขากล่าวไป เพราะมองไม่เห็นน้ำจริง ๆ
พระคุณเจ้าได้ฟังแล้ว ทราบทันทีว่า อกุศลกรรมเป็นตัวบันดาลให้เป็นเช่นนั้น จึงตักน้ำส่งให้เขาดื่ม ถึง ๓๒ จอก..
พอได้ดื่มน้ำแล้ว จึงได้สติคิดว่า ด้วยอำอาจอกุศลกรรม ทำให้น้ำที่มี มองเห็นว่าไม่มี อกุศลกรรม ให้โทษขนาดนี้ ต่อไปในอนาคตจะให้ผลเพียงใด!!
ทำให้รู้สึกสังเวชตัวเอง จึงทิ้งธนูหน้าไม้ ขอบรรพชาเป็นสามเณรในพระบวรพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนั้น..
เมื่อบวชแล้ว ก็ตั้งใจบำเพ็ญปฏิบัติกรรมฐาน แต่ภาพบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่เคยถูกฆ่าก็มาปรากฏ ทำให้จิตดิ้นรนกระวนกระวาย ไม่อาจทำกรรมฐานได้ ก็รู้สึกเสียใจ คิดจะสึก จึงเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์แล้วบอกความไป ..
พระมหาเถระจึง บอกแก่สามเณรว่า ถ้าจะสึกก็ไม่ว่า แต่ให้ทำความสะอาด ถากถางที่บริเวณเหล่านี้ ให้เรียบร้อยเสียก่อน"
สามเณรรับคำแล้วก็ออกมาปัดกวาด และตัดกิ่งไม้ที่เกะกะด้วยพร้า และเอาไฟสุมเป็นกองใหญ่ ทำอย่างรวดเร็วเพราะมีพลังมาก และเคยเป็นพรานป่ามาก่อน.
เมื่อเสร็จแล้วก็กลับมากราบเรียนพระเถรเจ้า.."กระผมปัดกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
"แล้วกองกิ่งไม้โน่นล่ะ ? พระเถรเจ้าชี้มือถาม
"กิ่งไม้ยังสด ผมคิดว่าจะทิ้งไว้ก่อนสามเณรตอบ
"ทิ้งไว้อย่างนั้นจะดีหรือ ? จงจุดไฟเผาเสียก่อน พระเถระสั่งต่อไป
สามเณรจึงรีบเอาไฟมาพยายามจุดเผา กองกิ่งไม้สด ๆ แต่จุดเท่าไหร่ ก็ไม่ติด เมื่อหมดปัญญา จึงได้แต่นั่งถอดใจ
พระเถระเห็นดังนั้นจึงบอกสามเณรให้หลีกไปก่อน
แล้วท่านก็บันดาลให้แผ่นปฐพีแยกออกเป็นสองส่วน ด้วยกำลังแห่งฤทธิ์อรหันต์ และยื่นมือลงไปหยิบไฟในอเวจีมหานรก ขึ้นมาประมาณเท่าแสงหิ่งห้อย แล้วทิ้งลงไปบนกองไม้สดนั้น เพลิงก็ติดรุ่งโรจน์โชตนาการปานไม้แห้ง บัดเดี๋ยวใจกองไม้สด ก็ไหม้ยุบลงสิ้นถ่านสิ้นขี้เถ้า
พระเถรเจ้าชี้ให้เห็นสภาพและอำนาจไฟอันร้อนแรงในอเวจีมหานรก ให้สามเณรได้เห็น แล้วจึงให้โอวาทว่า..
"หากจะสึก หากสามเณรตายแล้ว ก็ต้องลงไปทนทุกขเวทนา ในอเวจีมหานรกนี้ เพราะบาปกรรมที่เคยทำไว้ แต่ถ้ายึดเอาพระศาสนาเป็นที่พึ่งทำมรรคผลให้เกิด นั่นแหละจึงขึ้นจากนรกได้ เพราะมรรคผลเป็นเครื่องปิดประตูแห่งอบาย
ท่านเห็นอเวจีมหานรกประจักษ์แก่ตาตนเองวันนี้แล้ว ยังสมัครใจจะไปนรก หรือว่าจะคิดหนีก็จงคิดดูให้ดีเถิด???
สามเณรเกิดอัศจรรย์ใจ และเกิดความกลัวจิตกัมปนาทหวาดหวั่น กลัวภัยในอเวจีมหานรก
พระเถระกล่าวเตือนว่า พระพุทธศาสนานี้ สามารถนำสัตว์ให้พ้นจากกองทุกข์ กองภัย หรือกองไฟนรกได้ ถ้ามีความเพียรศรัทธาหมั่นปฏิบัติบำเพ็ญธรรมจนมรรคผลบังเกิด แม้ไม่มาก เพียงแต่ข้ามโคตรภูญาณให้มรรคผลขั้นแรกบังเกิด อย่างนี้ก็เป็นอันว่าไม่ต้องไปเกิดในนรกอบายภูมิแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา สามเณรก็เพียรพยายามปฏิบัติธรรมสุดชีวิต จนในที่สุด ก็ได้บรรลุตติยมรรคเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลในพระบวรพุทธศาสนา เป็นเหตุให้พ้นจากมรรคาแดนนรกไปได้
บทสรุป ยกเรื่องอานิสงส์การออกบวชและขันติบารมีมาอ้างอิง
ไฟในมหานรกนั้นร้อนแรงยิ่ง เล็กน้อยประมาณเท่าแสงหิ่งห้อยที่พระเถรเจ้าหยิบเอามา ก็สามารถเผาผลาญไม้สดกองใหญ่ให้ไหม้ยุบลงในพริบตา แล้วสัตว์นรกที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ตลอดเวลาจะร้อนรนเพียงใด
หากมีโอกาส ควรที่จะออกบวชสักครั้ง เพื่อเพิ่มบุญกุศลให้กับตัวเอง พ่อแม่ก็ได้พึ่งในบุญ เกาะชายผ้าเหลืองของพระลูกชาย ถือได้ว่าเป็นความกตัญญูอย่างยิ่ง
การตัดสินใจออกบวช ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะกว่าจะออกบวชได้ ต้องตัดใจจากหลาย ๆ อย่าง และยังต้องมีความเพียรสู้อุตส่าห์พยายามปฏิบัติธรรมกรรมฐานเพื่อขัดเกลากิเลสในจิตใจ จนสามารถปล่อยว่างจากเรื่องราวต่าง ๆ เมื่อนั้นจิตจึงจะเกิดสมาธิยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ โลกทีปนี เล่มที่ 11 หน้าที่ 42-46
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
https://newskyof2018.blogspot.com/2018/08/blog-post.html?m=1