“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

24ปี 5แสนกม.ทั่วจีน หัวใจพ่อช่างน่ากราบ นายกัว กังถัง ชาวจีน อายุ 51 ปี ผู้ตามหาลูกชายที่ถูกลักพาไปนานกว่า 24 ปี โดยขี่มอเตอร์ไซค์ตามหาทั่วประเทศ 20 มณฑล รวมระยะทางกว่า 500,000 กิโลเมตร พบหน้าลูกชายแล้วในที่สุด http://winne.ws/n27903

1.6 พัน ผู้เข้าชม

" Lost and Love " พ่อมารับลูกกลับบ้านแล้วนะ

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่” นายกวอกังถังกล่าว เมื่อมีคนถามว่ากว่า 24 ปีของการตามหาลูกเคยมีความรู้สึกอยากหยุดอยากพอหรือไม่

ท่านคิดว่าความรักของบิดามารดานั้นสามารถนับออกมาเป็นจำนวนได้หรือไม่ แน่นอนขอรับหลายคนมักเคยได้ยินเสมอว่าเมื่อได้เป็นพ่อแม่เท่านั้นถึงจะเข้าใจว่า ความรักของพ่อแม่ที่มีให้ต่อเรานั้นมากมายสักเพียงไร

แต่หากจะให้คำนวนความรักในฐานะพ่อของ นายกวอกังถัง คงคำนวนเป็นเวลากว่า 24 ปีแห่งการตามหาลูกชายที่หายไม่หยุดยั้ง ด้วยระยะทางกว่า 5 แสนกิโลเมตร กว่า 20 มณฑลทั่วประเทศจีน บางครั้ง กวอกังถังต้องใช้ชีวิตเยี่ยงขอทาน นอนใต้สะพาน ถูกโจรปล้นระหว่างการเดินทาง และประสบอุบัติเหตุจนกระดูกหัก แต่ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคใดก็ตามเมื่อเขามีแรงมากพอเขาจะลุกขึ้น สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ ที่ผูกป้ายรูป และรายละเอียดลูกชาย ขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนหาลูกชายของเขาต่อ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1997 ลูกชายวัย 2 ปี 5 เดือน 17 วันของนายกวอกังถัง เด็กชายกวอเซินถูกลักพาตัวโดยนักค้ามนุษย์ที่หน้าบ้านของเขาในมณฑลชานตง ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อรู้ถึงการหายตัวไปของลูกชาย กวอกังถัง พยายามตามหาลูกชายของเขาในทุกๆทาง ในคืนนั้น ชาวบ้านกว่า 500 คนถูกระดมกำลัง และเป็นกลุ่มละสามคนเพื่อหาคนตามทางแยกต่างๆ สถานีขนส่ง และสถานีขนส่งสินค้า ในวันเดียวกัน ชาวบ้านยังได้ระดมเงินกว่า 50,000 หยวนเพื่อเป็นทุนให้กวอกังถังตามหาลูกชาย

เมื่อหน่วยงานรัฐได้ใช้ความพยายามแต่เหมือนว่าปัญหาการลักพาตัวเด็กจะเป็นปัญหาที่มีมากในจีน แต่ละปีมีคดีขโมยเด็กชายหลายพันราย ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน การมีลูกชายสืบสกุลเป็นสิ่งที่ทุกครอบครัวมุ่งหวัง ดังนั้นการลักพาตัวเด็กชายไปขายให้กับบางครอบครัวที่ไม่มีลูกชายนั้น เป็นช่องทางสำหรับพวกนักค้ามนุษย์ในจีน

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

สองปีต่อมากวอกังถังใช้เงินเก็บจนหมด แถมยังกู้เงินกว่า 2 แสนหยวนมาตามหาลูกชาย แต่เขายังคงไม่พบลูกชายของเขา

ในปี 1999 กวอกังถังจึงเริ่มออกตามหาลูกชายของเขาด้วยตนเอง เขาใช้เงินเก็บ ทำป้ายติดมอเตอร์ไซค์ ใส่ภาพและรายละเอียดของลูกชายไว้ และทำใบปลิว สำหรับแจก

“ผู้ใหญ่เราเลือกได้ว่าจะหมดหวังหรือเข้มแข็ง แต่เด็กทำได้แค่รอ รอให้พ่อมาปรากฎตัว และรอให้พ่อไปหาเขาและพาเขากลับบ้าน ดังนั้นผมต้องไปหาลูกชายของผม เพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่ลืมเขา ผมคิดถึงเขา และยังตามหาเขาเพื่อพาเขากลับบ้านเราอยู่”

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”
“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี กวอกังถังเคยได้พบเด็กชายที่อาจจะเป็นลูกชายของเขาหลายต่อหลายครั้งแต่เมื่อตรวจดีเอ็นเอ แล้วผลออกมาก็ไม่ตรงกันกับเขา

คนผู้หนึ่งจะมีกำลังใจสักเท่าไหร่ กว่า 24 ปี การเดินทางกว่า 5 แสนกิโลเมตรอย่างไม่หยุดยั้ง จนถึงวัย 51 ปี กวอกังถังไฉนไม่เคยท้อแท้ หลายคนเดินผ่านชายซ่อมซ่อที่ยืนแจกใบปลิวตามหาลูกชายอย่างสิ้นหวัง ไฉนชายคนนี้ถึงไม่ยินยอมทำใจว่า วาสนาของเขาและกวอเซินลูกชายคงมีร่วมกันมาแค่นี้

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

เวลาผ่านไปนับสิบปี เสียงร่ำลือถึงชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหาลูกชายเริ่มเป็นที่พูดถึง จนสื่อมวลชนมาทำข่าวของเขาอย่างจริงจัง การตามติดชีวิตของกวอกังถัง ทำให้หัวใจคนจีนและทั่วโลกซาบซึ้งถึงความเป็นพ่อ

ในปี 2012 กวอกังถัง ได้ก่อตั้งเครือข่ายค้นหาคนหายขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวม จัดระเบียบ และเปรียบเทียบข้อมูลการแสวงหาครอบครัว และให้บริการฟรี ช่วยเหลือกลุ่มผู้สูญเสีย นอกจากตามหาลูกชายของตนเองแล้ว เขายังช่วย 7 ครอบครัวตามหาลูกหลานที่หายไปจนพบ ทุกครั้งที่แต่ละครอบครัวได้พบบุตรหลานก็เหมือนเขาเองได้พบกับเด็กชายกวอเซินอีกครั้ง และทุกครั้งเขามักจะคิดเสมอว่า ครั้งถัดไปผู้โชคดีคนนั้นอาจจะเป็นเขาเช่นกัน

5 แสนกิโลเมตร แห่งการเดินทาง เขาสูญเสียรถมอเตอร์ไซค์กับการเดินทางไป 10 คัน กวอกังถังได้ออกรายการโทรทัศน์ เขาไม่เคยต้องการเป็นคนดัง เขาเพียงต้องการหาลูกชายที่หายตัวไป

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

ในปี 2013 เผิงซานหยวนผู้กำกับภาพยนตร์ได้ชมรายการที่ กวอกังถังไปออก เธอรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเธอยังเป็น โปรดิวเซอร์และเขียนบทละครโทรทัศน์ แต่เธอว่าคงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกำกับภาพยนตร์เรื่องราวของ พ่อผู้ใช้ทั้งชีวิตเพื่อตามหาลูกที่หายไป บทถูกส่งไปให้หลิวเต๋อหัว ในตอนนั้นภรรยาของหลิวเต่อหัวเพิ่งคลอดลูกสาวให้กับเขาคนแรกในปี 2012

เมื่ออ่านบทจบเขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาประทับใจบทภาพยนตร์เรื่องนี้มากและเขาก็ยอมรับบทบาทนี้ทันที พร้อมกับการไม่ขอรับค่าตัวทั้งยังพร้อมกับร่วมลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากนั้นหลิวเต๋อหัวก็ชักชวนเหลียงเจียฮุย และ อู๋จวินหยูมาร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยทั้งสองเมื่อทราบเรื่องราวของนายกวอกังถัง ทั้งคู่จึงไม่ขอรับค่าตัวในการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน นอกจากนั้นหลิวเต๋อหัวยังได้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "The Way Home" ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”
“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

หลิวเต๋อหัวต้องกลับมาขึ้นอานมอเตอร์ไซค์อีกครั้งในวัย 53 ไม่ใช่เพื่อไปตีรันฟันแทงกับใคร แต่เขาขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อตามหาลูกชายที่หายตัวไป หลิวเต่อหัวกล่าวสั้นๆเมื่อมีนักข่าวถามว่ากลัวว่าหนังเรื่องนี้จะขาดทุนหรือไม่ ว่า “ผมจะสู้ไปพร้อมกันกับเขา” เขาที่หลิวหลิวเต๋อหัวหมายถึงก็คือ นายกวอกังถัง

หัวใจพ่อน่ากราบ (Lost and Love/2015) ได้ออกฉายวันที่ 20 มีนาคม 2015 หลิวเต่อหัวรับบท เหลยเจ่อกวน (雷澤寬) ชาวนามณฑลอานฮุย ซึ่งมีต้นแบบมาจาก กวอกังถัง และได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก หลิวเต่อหัวในวัย 53 บนรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เท่บาดใจสาวๆเหมือนกับ อาหว่อในผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แต่เป็นพ่อที่ตามหาลูกชายอย่างสิ้นหวังที่เข้าไปนั่งอยู่หัวใจผู้ชมทุกเพศทุกวัยที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพยนตร์ทำรายได้สูงถึง 218.8 ล้านหยวนในจีน เงินรายได้มอบให้กับหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการค้นหาเด็กที่หายไปจากครอบครัว

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

นายกวอกังถัง ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงแค่เห็นหลิวเต๋อหัวในภาพยนตร์เพียงนาทีแรกของหนังเขาก็น้ำตาไหลออกมา เขากลัวว่าเสียงร้องไห้ของเขาจะรบกวนคนที่อื่นที่มาดูหนัง เขาจึงเดินออกไปนั่งตรงบริเวณบันไดทางเดิน และกัดแขนตนเองเอาไว้ไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกไปรบกวนผู้ชมคนอื่น เมื่อพูดถึงหลิวเต๋อหัวตอนชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบว่า “ ผมเห็นฉากหนึ่งในหนัง เขายืนโดดเดี่ยวกอดกระเป๋าหนังที่ในนั้นเต็มไปด้วยใบปลิวของลูกชายที่หายไปด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าแฝงความสิ้นหวัง ในวูบนั้นผมสัมผัสได้ว่าเขาเข้าใจในตัวผมจริงๆ”

หลังจากหนังออกฉาย หลิวเต๋อหัวยังร่วมมือกับหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน เพื่อรณรงค์การตระหนักถึงปัญหาเด็กถูกลักพาตัวในจีน ทั้งยังช่วยประชาสัมพันธ์ในการตามหาเด็กที่หาย

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2021 (เมื่อวานซืน) เผิง ซานหยวน ผู้อำนวยการของ "Lost Orphans" ได้พิมพ์ข้อความใน Weibo ว่า

“24 ปีของการตามหาลูกชายของ กวอกังถังได้สิ้นสุดลงแล้ว จากผลการตรวจดีเอ็นเอ กวอเซิน เพิ่งออกมาในวันที่ 11 กรกฎาคม ลูกชายของเขาตอนนี้อายุ ได้ 26 ปีแล้ว ทั้งสองกำลังจะพบกัน และขอให้ไม่มีโศกนาฏกรรมเช่นนี้บนโลกใบนี้อีก”

เผิงซานหยวนผู้กำกับภาพยนตร์ หัวใจพ่อน่ากราบ (Lost and Love/2015) บอกว่า หลิวเต๋อหัวตื่นเต้นมากที่รู้ข่าวนี้ เขารีบประสานมือภาวนาขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้คำอธิษฐานของเขาเป็นจริง หลิวเต่อหัวส่งคลิปวีดิโอมาแสดงความยินดี พร้อมกับขอบคุณทางหน่วยงานที่ติดตามคดีนี้อย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเรียกร้องให้สังคมผนึกกำลังกับต่อสู้กับปัญหาการลักพาตัวและช่วยให้ครอบครัวที่ประสบปัญหานี้ได้พบหน้าลูกหลานที่หายตัวไปอีกครั้ง และ ภาพยนตร์เรื่อง หัวใจพ่อน่ากราบ ก็ได้มีตอนจบจริงๆเสียที

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”
“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

กวอกังถังในวัย 51 ปี ผมหงอกขาวเต็มศีรษะ เขาดูแก่กว่าวัย 51 เนื่องจากเวลา 24 ปี ในการตามหาลูกชายกัดกร่อนชายหนุ่มในวัย 27 ปีก่อนลูกชายจะหายตัวไป เป็นชายชราที่แก่เกินวัยไปแล้ว เขากับภรรยารอพานพบหน้าลูกชายที่หายไป 24 ปี พร้อมโผเข้ากอดร้องไห้สะอึกสะอื้น

กว่า 24 ปี ที่ไม่ได้พบลูกชาย แต่ไม่มีวันใดเลยที่กวอกังถังไม่ได้ทำหน้าที่พ่อของเขา เหมือนที่เขาเคยบอกว่า

“เด็กๆได้แต่เฝ้ารอวันที่พ่อแม่มารับ ผมต้องออกไปหาเขาทุกวัน​ เพื่อรับลูกผมกลับบ้าน” และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสบอกกันกับลูกชายของเขาว่า

“พ่อมารับลูกกลับบ้านแล้วนะ”

บทความดีๆ จาก เฟซบุ๊ค เก้ากระบี่เดียวดาย

https://web.facebook.com/9independentswords/posts/931904600721238

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”

เราคงไม่สามารถตีค่าความรักของพ่อแม่ได้

รักษาเวลาอีนมีค่าอยู่กับคนที่คุณรักและรักคุณ

ทดแทนคุณท่านในขณะท่านมีชีวิต

ดีกว่าเสียใจที่หลังเมื่อสายไป

“ตราบใดที่ผมยังตามหาลูกชายบนท้องถนน ผมก็ยังคงรู้สึกว่าผมยังเป็นพ่อคนอยู่”
แชร์