รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

ในตัวพาสปอร์ตจริงๆ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด และถึงขนาดมีความลับอะไรบางอย่างที่คุณเองก็อาจไม่เคยทราบ http://winne.ws/n2980

889 ผู้เข้าชม
รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

        เมื่อพูดถึงหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต เป็นสิ่งของที่เราจะหยิบออกมาใช้ไม่บ่อยนัก ถึงขนาดบางครั้งยังมีแอบลืมไปว่า เก็บหนังสือเดินทางเอาไว้ที่ซอกไหนก็มี บางคนลืมเช็คอายุพาสปอร์ต พอรู้ตัวอีกที พาสปอร์ตก็หมดอายุไปซะแล้ว ทำให้ต้องวิ่งวุ่นไปยื่นเอกสารขอทำหนังสือเดินทางใหม่ หรือไม่ก็เปลี่ยนวันเดินทาง หรือแย่สุดก็ยกเลิกตั๋วเครื่องบินไปเลยก็มี แต่นั่นคือข้อเม็จจริงแค่บางส่วน เพราะจริงๆแล้ว 

           ในหลายๆประเทศและหลายๆกรณี พาสปอร์ตมีความสำคัญมากกว่าสมุดที่ใช้แค่สะสมวีซ่าและตราประทับขาเข้าและออกตอนเดินทางข้ามประเทศเท่านั้น ในตัวพาสปอร์ตจริงๆ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด และถึงขนาดมีความลับอะไรบางอย่างที่คุณเองก็อาจไม่เคยทราบ

1. พาสปอร์ตบางประเทศ คือ บัตรประชาชน

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

          ในบางประเทศ โดยเฉพาะที่ยุโรปตะวันออก และประเทศเครือสหภาพโซเวียตเก่า เช่น รัสเซีย ยูเครน และเบลารุส มันคือบัตรประชาชนใบหนึ่งเลยทีเดียว เพราะพาสปอร์ตของพวกเขา ใช้ตั้งแต่จดทะเบียนสมรส ซื้อบ้าน เปลี่ยนที่ทำงานฯลฯ โดยในหนังสือเดินทางเล่มหนึ่งนั้น จะมีทั้งตราประทับว่า เคยแต่งงานกับใคร เคยอยู่ที่ไหน ย้ายไปอยู่ตำบลใด รวมทั้งแปะรูปลูกปิดประทับไว้ด้วยในกรณีเป็นผู้หญิง ในบางประเทศอย่าง อุซเบกิสถานหรือยูเครน หากจะเดินทางออกนอกประเทศ เจ้าของพาสปอร์ตนั้นจะต้องเอาพาสปอร์ตเล่มเดียวกันนั้น ไปประทับรับรอง เพื่ออนุญาตให้พาสปอร์ตสามารถใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศได้ด้วย 

2. พาสปอร์ต ใช้ตรวจสอบเจ้าของจริง-ปลอม ได้ด้วยตัวเอง

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

           คุณอาจไม่ทราบว่า ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ถูกเข้ารหัส เพื่อนำมาทำเป็นแถบรหัสแปลกประหลาดบนหน้าติดรูปถ่ายของพาสปอร์ต ซึ่งจะไม่เหมือนใคร และเป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันบุคคลเจ้าของพาสปอร์ตได้ด้วย สำหรับพาสปอร์ตไทย หากคุณหยิบพาสปอร์ตของคุณขึ้นมาดูดีๆ คุณจะเห็นข้อมูลส่วนตัวของตัวเองได้ง่ายๆ จากรูปประกอบ จะพบว่า: 

- แถบบน ตัวอักษรแรก คือ รหัส Type ของพาสปอร์ตของคุณ 

- แถบล่าง เริ่มต้นด้วยเลขพาสปอร์ต 

- ถัดไป คือ สัญชาติแบบย่อตัวอักษร 3 ตัว 

- ถัดไป คือ วัน-เดือน-ปีเกิด ที่เรียงใหม่เป็น ปี-เดือน-วันเกิด 

- ถัดไป เป็น M หรือ F เพื่อแสดงเพศ 

- ถัดไป เป็น วันหมดอายุของหนังสือเดินทาง โดยเรียงเป็น ปี-เดือน-วัน 

- ถัดไป เป็น หมายเลขบัตรประชาชนของคุณ 

3. สีของปกพาสปอร์ต มีความหมาย

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

             พาสปอร์ตของประเทศในแถบ EU ส่วนใหญ่จะนิยมใช้สีแดงเข้ม-เลือดหมู ในขณะที่ประเทศที่ในประวัติศาสตร์ ได้ก่อกำเนิดโดยการแตกตัวออกมาจากยุโรป เช่น สหรัฐฯ, ละตินอเมริกา หรือออสเตรเลีย จะใช้สีนำเงินเข้ม เสมือนสีน้ำทะเลในความหมาย การออกเดินทางไปยังโลกใหม่ ผ่านผืน “มหาสมุทร" ส่วนประเทศของชาวมุสลิม ส่วนใหญ่จะเป็นปกสีเขียว ซึ่งเป็นสีส่วนตัวของศาสดาโมฮะเหม็ด แม้แต่ในประเทศเอเชียกลาง เช่น อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน ก็จะใช้สีเขียวเช่นกัน เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม สำหรับพาสปอร์ตไทย 

           หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า สีหน้าปกพาสปอร์ตมีถึง 3 สี คือ - สีเลือดหมู เป็นพาสปอร์ตบุคคลธรรมดาทั่วไป มีอายุ 5 ปี - สีน้ำเงินเข้ม เป็นพาสปอร์ตของข้าราชการ มีอายุ 5 ปี เช่นกัน แต่ต้องมีหนังสือนำจากหน่วยงานราชการ จึงจะสามารถไปทำหนังสือเดินทางแบบนี้ได้ - สีแดงสด เป็นพาสปอร์ตนักการทูต มีอายุ 5 ปี เช่นกัน ไม่สามารถต่ออายุได้ และหากทำหาย ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะรัฐบาลไทยจะต้องทำหนังสือแจ้งยกเลิกหนังสือเดินทางทางการทูตไปทั่วโลก  เนื่องจากผู้ก่อการร้าย สามารถสวมรอยหนังสือเดินทางเหล่านี้เพื่อเดินทางเข้าไปก่อการร้ายได้ง่ายมาก 

4. บางคนไม่ต้องมีพาสปอร์ต

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

          กล่าวกันว่า สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ไม่ต้องใช้พาสปอร์ต เนื่องจากพาสปอร์ตทุกเล่มในประเทศอังกฤษ ออกในนามพระราชินีอังกฤษ และเจ้าของหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรที่แท้จริง คือ สมเด็จพระราชินี ดังนั้น พระองค์จึงไม่จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตเพื่อเดินทางเข้า-ออกประเทศ ส่วนนครวาติกัน สมเด็จพระวันตะปาปาจะถือพาสปอร์ตหมายเลข 1 เสมอ ทั้งที่ไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองที่วาติกัน และนักท่องเที่ยว ผู้แสวงบุญต่างๆจากทั่วโลก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตตรวจลงตราเพื่อเข้านครวาติกัน 

5. พาสปอร์ต... ไม่ใช่วีซ่า

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

พาสปอร์ต คือ หนังสือ เป็นเอกสารแสดงความเป็นตัวตนเหมือนบัตรประชาชน แต่ใช้ในการเดินทางไปยังต่างประเทศ ส่วนวีซ่า คือ ใบอนุญาตเข้าประเทศ ที่แต่ละประเทศบังคับให้ทำก่อนล่วงหน้า เพื่อขอเรียกดูจากคนสัญชาติอื่น เมื่อเดินทางมาถึงประเทศนั้นๆ โดยปกติ จะต้องทำวีซ่าล่วงหน้า เพื่อสามารถแสดงวีซ่าเมื่อถึงสนามบินปลายทางได้ อย่างไรก็ดี มีบางประเทศ ที่ทำข้อตกลงกับรัฐบาลไทยในลักษณะฝ่ายเดียวและอนุภาคี อนุญาตให้ทำวีซ่าได้ที่สนามบินก่อนผ่านด่านตรวจเช่น ชาวจีน, อินเดีย, คาซัคสถาน, ภูฏาน, ลัตเวีย, มอลตา ฯลฯ 

             เมื่อมาถึงประเทศไทย สามารถเข้าคิวทำวีซ่า เพื่อผ่านด่านสนามบินสุวรรณภูมิ และสามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 15 วัน ส่วนคนไทย สามารถใช้หนังสือเดินทางธรรมดา เดินทางโดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้ 28 ประเทศ ได้แก่: อาร์เจนตินา (90 วัน), บาห์เรน (14 วัน), บราซิล (90 วัน), บรูไน (14 วัน), กัมพูชา (14 วัน), ชิลี (90 วัน), เอกวาดอร์ (90 วัน), จอร์เจีย (90 วัน), ฮ่องกง (30 วัน), อินโดนีเซีย (30 วัน), ญี่ปุ่น (15 วัน),สาธารณรัฐเกาหลี (90 วัน), ลาว (30 วัน), มาเก๊า (30 วัน), มองโกเลีย (30 วัน), มาเลเซีย (30 วัน),มัลดีฟส์ (30 วัน), เมียนมาร์ (14 วัน)**, ปานามา (180 วัน), เปรู (90 วัน), ฟิลิปปินส์ (30 วัน), รัสเซีย (30 วัน), เซเชลส์ (30 วัน), สิงคโปร์ (30 วัน), แอฟริกาใต้ (30 วัน), ตุรกี (30 วัน), วานูอาตู (90 วัน), เวียดนาม (30 วัน) 

            ** สำหรับประเทศเมียนมาร์ มีผลบังคับใช้ เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติ เริ่ม 11 ส.ค.58 และปัจจุบัน สายการบินประจำชาติบ้านเรา คือ การบินไทย (Thai Airways) ก็เปิดเที่ยวบิน กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง โดยบินภายใต้สายการบินไทยสมายล์ (THAI Smile) แล้ว ราคาแค่ไม่กี่พันบาทเท่านั้นด้วย 

6. ในพาสปอร์ต ไม่ได้มีแค่ภาษาเดียว

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

          พาสปอร์ต มักจะมี 2 ภาษาประกอบกัน คือ ภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ 1 ภาษา และภาษาสากลที่ทั่วโลกเข้าใจ 1 ภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่บางประเทศก็ใช้เป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะถือเป็นภาษาทางการทูตของ UN ด้วย ที่ต้องทำ 2 ภาษา เพราะว่าบางครั้ง ชื่อเรียกประเทศในภาษาท้องถิ่น กับชื่อที่คนประเทศอื่นรู้จัก 

           บางครั้งเป็นคนละชื่อเดียวกันเลย เช่น ประเทศออสเตรีย ชื่อราชการของประเทศเค้า เป็น Österreich ซึ่งคนละเรื่องกันเลย เป็นต้น ส่วนบางประเทศก็มีเสีย 3 ภาษา เพราะว่าคนในประเทศพูดมาก(ภาษา) เช่น พาสปอร์ตเบลเยี่ยม มีทั้ง ดัตช์, ฝรั่งเศส, และเยอรมัน กำกับ โดยไม่มีภาษาอังกฤษ 

7. พาสปอร์ตบางเล่ม เข้าบางประเทศไม่ได้

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

         บางประเทศเขาเป็นศัตรูกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดคว่ำบาตร ไม่ให้ประชาชนอีกประเทศเข้าเมืองได้ก็มี เช่น บนหนังสือเดินทางของประเทศปากีสถาน ในพาสปอร์ตทุกเล่ม จะพิมพ์ไว้ว่า "หนังสือเดินทางใช้ได้กับทุกประเทศยกเว้นอิสราเอล" ทำให้คนปากีสถานมากมายไม่กล้าที่จะเดินทางไปประเทศอิสราเอล (ทั้งที่อิสราเอลโอเค สามารถให้เขาประเทศได้) 

           เนื่องจากรัฐบาลปากีสถาน ไม่ยอมรับสถานะการมีเอกราชของอิสราเอลและสนับสนุนปาเลสไตน์แทนอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนสมัยก่อน พาสปอร์ตอิสราเอลในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จะมีข้อความว่า สามารถใช้ได้กับทุกประเทศยกเว้นประเทศเยอรมัน เพราะไม่อยากให้คนกลับไปยังดินแดนที่ฆ่าล้างชาวยิวกว่า 6 ล้านคน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออย่างประเทศอาเซอร์ไบจาน ก็แบนพาสปอร์ตอาร์เมเนียได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า 

8. พาสปอร์ต เก็บข้อมูลมากกว่าที่คิด!

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

          พาสปอร์ตไม่ได้มีแค่รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด สัญชาติ ฯลฯ แต่มีข้อมูลอื่นๆอีกมากเก็บอยู่ในชิปที่ฝังในปกพาสปอร์ต ทว่า ด้วยการปลอมแปลงที่เก่งกาจในปัจจุบัน ทำให้พาสปอร์ตยุคใหม่ ต้องพัฒนาการเก็บข้อมูลสำคัญๆไว้ให้มากขึ้นและแน่นหนาขึ้นกว่าเดิมอีก จนแทบจะรวมข้อมูลของร่างกายคุณเอาไว้ทุกอย่างจนคุณเองอาจคาดไม่ถึง เช่น พาสปอร์ตประเทศอิสราเอล บันทึกละเอียดถึงขั้น ความห่างระหว่างดวงตาทั้ง 2 ข้าง และโครงสร้างกระดูก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวตนอย่างละเอียดอีกด้วย ในอนาคตคาดการณ์กันว่า พาสปอร์ตจะสามารถเสิร์ชหาได้ผ่าน GPS อีกด้วย เพื่อติดตามพาสปอร์ตที่หาย และล่วงรู้แหล่งที่ขโมยนำเอาไป โดยดูได้จากระบบดาวเทียมเหมือนการตามหามือถือ 

9. พาสปอร์ต มีลูกเล่นกว่าที่คิด!

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

          พาสปอร์ตบางประเทศ มีลูกเล่นซ่อนเอาไว้ โดยเจ้าของพาสปอร์ตอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ เช่น พาสปอร์ตของแคนาดา จะเรืองแสงเวลาส่องกับหลอดไฟสีม่วง (แสงอัลตราไวโอเลต) ส่วนของฟินแลนด์ ในแต่ละหน้าจะเป็นรูปกวางมูส แล้วถ้ากรีดหน้าหนังสือเดินทางเร็วๆ เหมือนสมัยเด็กที่เราวาดเป็นสมุดการ์ตูนเคลื่อนไหว คุณจะเห็นกวางเดินไปไหนมาไหนได้ด้วย 

          ส่วนพาสปอร์ตของสหรัฐฯ หน้าพาสปอร์ตแต่ละหน้า จะบรรยายถึงประวัติศาสตร์ และเรื่องราวการสร้างชาติของชาวอเมริกัน ดังนั้น พาสปอร์ตจริงๆแล้ว เป็นเอกสารสำคัญ ที่คุณควรต้องเก็บรักษาและดูแลให้เป็นอย่างดี อย่าให้หาย เพราะข้อมูลของคุณ มีประโยชน์สำหรับโจรเสมอ ที่จะใช้ทำการจารกรรมเงินของคุณผ่านระบบออนไลน์ได้

รู้หรือไม่? พาสปอร์ตเป็นมากกว่าแค่หนังสือเดินทาง

        สิ่งสำคัญสำหรับทุกคน คือ อย่าลืมตรวจอายุพาสปอร์ตอยู่เสมอ ว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนเพราะหลายประเทศจำกัดอายุพาสปอร์ต ส่วนหน้าเหลือสำหรับประทับตราเข้า-ออก ในเล่มก็สำคัญ เพราะบางประเทศ ไม่อนุญาตให้เข้าประเทศอีกหากไม่มีหน้าเหลืองในสมุดอย่างน้อย 2 หน้าอีกด้วย ดังนั้น กรุณาเตรียมพาสปอร์ตของคุณแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาทั้งก่อน/ระหว่าง/หลังการเดินทาง 

ขอบคุณข้อมูลจาก  : http://www.posttoday.com/travel/world/429004

แชร์