5 ข้อคิดจากซีรีส์ Descendants of the Sun

กระแสซีรีส์เกาหลีที่ดังที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง Descendants of the Sun และไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่ทั่วทั้งเอเชียก็ว่าได้ ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีแง่คิดเกี่ยวกับการความสัมพันธ์ ดีไม่แพ้ความน่ารักทะลุจอของอปป้าจุงกิและซองเฮเคียวแน่นอน! http://winne.ws/n3677

4.5 พัน ผู้เข้าชม
5 ข้อคิดจากซีรีส์ Descendants of the Sun

เรื่อง โจแอนนา ฮอร์ [บทความต้นฉบับภาษาอังกฤษ http://ymi.today/2016/04/descendants-of-the-sun-5-relationship-hacks/]
แปล จิ๊ก สิริวรรณ
ตรวจสอบเนื้อหา บี สายสมร

                กระแสซีรีส์เกาหลีที่ดังที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง Descendants of the Sun และไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่ทั่วทั้งเอเชียก็ว่าได้ สำหรับคนที่ไม่เคยดูละครเรื่องนี้ ซีรีส์เรื่องนี้เป็น เรื่องราวโรแมนติกของนายทหารหนุ่มในกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ กัปตันยูชีจิน (ซงจุงกิ) กับแพทย์อาสาสมัคร คังโมฮยอน (ซงเฮเคียว)คงไม่ใช่เพราะท่านนายกฯ เอ่ยปากชมซีรีส์เรื่องนี้เลยเป็นกระแสดังเต็มหน้าฟีดเฟสบุ้คไปหมด แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีแง่คิดเกี่ยวกับการความสัมพันธ์ ดีไม่แพ้ความน่ารักทะลุจอของอปป้าจุงกิและซองเฮเคียวแน่นอน!

1. เรียนรู้ที่จะให้

          แม้ว่าหน้าใสๆ และบุคลิกชวนเคลิ้มของกัปตันยูทำให้สาวๆ ต่างอยากมาขอใช้นามสกุลด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่คงไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบนั่นก็คือ งานของเขา ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณออกเดทกับผู้ชายที่ทิ้งคุณไว้กลางทางเพราะต้องไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแถมยังอธิบายให้คุณรู้ไม่ได้ด้วยเพราะเป็นภารกิจลับ อย่างฉากหนึ่งในซีรีส์ที่หมอคังถูกทิ้งไว้ระหว่างเดทโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟนหนุ่มจะมีชีวิตกลับมาเจออีกหรือไม่ เจออย่างนางเอกแล้วคุณจะเสี่ยงกับความสัมพันธ์นี้อีกไหม

        แต่เมื่อเวลาผ่านไป หมอคังก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่านี่คือราคาที่ต้องจ่ายถ้าจะคบกับกัปตันยู เธอจึงเลิกสงสัยและเรียนรู้ที่จะสนับสนุนเขา และเมื่อถึงคราวที่กัปตันยูต้องเสียสละบ้าง เมื่อหมอคังต้องรีบกลับไปผ่าตัดคนไข้ฉุกเฉินที่โรงพยาบาลกลางดึก ฉันใดก็ฉันนั้น

         ดังนั้น ในการอยู่ในความสัมพันธ์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คู่ของเราจำเป็นต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก และเมื่อเราต้องอยู่ในสภาวะที่ไม่สะดวกสบาย เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเสียสละ และอย่าเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล 

2. ให้กำลังใจกันอย่างสม่ำเสมอ

         คงไม่มีใครทำสิ่งนี้ได้ดีไปกว่ากัปตันยู ที่คอยชื่นชมแฟนได้ไม่ขาดปาก ไม่เพียงแต่ความน่ารักของหมอคังเท่านั้น แต่ความกล้าหาญและความสามารถ โดยเฉพาะตอนที่หมอคังต้องผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวและโรคระบาด ในขณะที่หมอคังก็เหมือนกันที่คอยให้กำลังใจ และชื่นชมกัปตันยูตลอด ทั้งความกล้าหาญและความหล่อบาดใจ

        ในขณะที่เรื่องดำเนินไป เราจะเห็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปของทั้งคู่ ทั้งการให้กำลังใจกัน ขอบคุณกันและกัน และให้อภัยต่อกัน

        ดังนั้น ให้เราใช้ถ้อยคำไปในทางที่หนุนใจ สร้างความเชื่อมั่น และเสริมสร้างชีวิตของกันดีกว่า 

3. เป็นแบบอย่างที่ดีต่อกัน

         กัปตันยูเป็นนายทหารที่น่ายกย่องแม้ในสถานการณ์คับขันและกดดันจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า เช่นฉากหนึ่งในเรื่องที่ประธานาธิบดีมูบาราทของกลุ่มประเทศอาหรับถูกนำตัวมารักษาฉุกเฉินในคลีนิก กัปตันยูได้รับคำเตือนว่าอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าเกิดประธานาธิบดีตายขึ้นมาให้โทษว่าเป็นความผิดของหมอ แต่เขากลับปฏิเสธและบอกให้ทีมแพทย์ให้การช่วยเหลือขณะที่ถูกปืนจ่อจากบอดี้การ์ดของประธานาธิบดี

          กัปตันยูไม่เพียงทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเท่านั้น แต่ยังหนุนใจให้หมอคังทำเช่นเดียวกันในอีกฉากหนึ่งที่พ่อค้ายาถูกเด็กยิงได้รับบาดเจ็บ กัปตันยูเตือนสติหมอคังให้ทำตามจรรยาบรรณของแพทย์ ซึ่งก็คือการช่วยเหลือทุกชีวิตไม่ว่าคนนั้นจะเป็นอย่างไร

ให้เรามีชีวิตที่เป็นแบบอย่างต่อกันทั้งในความรัก และในการประพฤติ 

4. เสียสละต่อกัน

             เช่นเดียวกับซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นๆ พระเอกที่ยอมเสี่ยงทั้งหมดที่มีเพื่อนางเอก เช่นในฉากประธานาธิบดีนี้ก็เช่นกัน กัปตันยูเอาตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองเข้าแลกกับการยอมรับโทษแทนหมอคัง ทำให้ถูกลงโทษไม่ได้รับการเลื่อนยศและถูกตัดเงินเดือน อีกฉากหนึ่งที่กัปตันยูยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยหมอคังที่ติดอยู่ในรถที่กำลังจะตกเหว และอีกครั้งหนึ่งตอนที่กัปตันยูไปปฏิบัติภารกิจเดี่ยว เพื่อช่วยหมอคังที่ถูกพ่อค้ายาจับเป็นตัวประกัน ซึ่งก็คือพ่อค้ายาที่หมอคังเคยช่วยชีวิตไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ

              ยังมีอีกหลายฉากที่กัปตันยูเสี่ยงตายช่วยนางเอกแต่สปอล์มาเยอะแล้ว เก็บไว้ให้ไปดูเองบ้างละกันเนอะ

            ให้เราเรียนรู้ที่จะทำดีต่อกัน  และรับภาระของกันและกัน ไม่มีความรักใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการยอมสละชีวิตของเราเพื่อคนอื่น 

5. มีความเชื่อและอุดมการณ์เดียวกัน

          กัปตันยูกับหมอคังมักโต้เถียงกันเรื่องของหลักการที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่แยกทางกันในครั้งแรก ก็เพราะต่างมีมุมมองต่อการปกป้องชีวิตไม่เหมือนกัน คนหนึ่งฆ่าเพื่อปกป้องชีวิตที่เหลือ ส่วนอีกคนหนึ่งพยายามปกป้องทุกชีวิตให้รอด

             แต่หลายเดือนต่อมา ทั้งคู่ต้องโคจรมาอยู่ร่วมกันอีกเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอุรุค(ประเทศสมมติ) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่คลี่คลายซะทีเดียว แต่สถานการณ์บังคับให้ต้องตัดสินใจร่วมกันเมื่อต้องรักษาชีวิตหนึ่งไว้ หรือเมื่อต้องจบชีวิตหนึ่งก็ตาม เมื่อเรื่องดำเนินไป หมอคังจึงค่อยๆ เห็นแล้วว่าเธอเองก็ไม่ได้แน่วแน่ในจรรยาบรรณแพทย์เพราะเธอก็ลังเลที่จะช่วยชีวิตพ่อค้ายา แต่กัปตันยูเตือนให้เธอยืดตามอุดมการณ์ของแพทย์เอาไว้

              ในที่สุด ทั้งคู่ก็เข้าใจว่าต่างคนต่างมีอุดมการณ์เดียวกัน และหาจุดยืนที่สามารถทำงานร่วมกันได้ ถึงแม้มันจะหมายถึงว่างานของพวกเขาจะไม่ลุล่วงไปได้อย่างง่ายดายก็ตามแต่ความพยายามที่จะปรับตัวให้อยู่ร่วมกับความต่างของอีกฝ่ายเพื่อทำสิ่งที่ถูกต้องนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองกลับยิ่งเบ่งบาน

               ให้เราเรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับการหาคู่ครองที่มีความเชื่อและหลักการในการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกัน เมื่อรากฐานของความสัมพันธ์นั้นก่อร่างอย่างมั่นคงแล้ว เรื่องยิบย่อยของความแตกต่างก็สามารถแก้ไขได้ง่ายขึ้น

               นี่เป็น 5 ข้อคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ฉันได้รับจากซีรีส์เรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วิธีการเหล่านี้ก็ไม่ได้การันตีความสัมพันธ์ว่าจะเวิร์กเหมือนกันกัปตันยูและหมอคัง แต่ก็น่าลองนำไปใช้ดู เพราะความจริงข้อหนึ่งก็คือ ความสัมพันธ์นั้นจะดีได้ก็ต่อเมื่อต่างคนต่างไม่ยืดติดกับความเป็นตัวของตัวเอง

ที่มา: manasociety,
KodhitHD 

แชร์