อาถรรพ์! ความเชื่อโบราณ! เผาพริก เผาเกลือ อาถรรพ์การสาปแช่งที่ควรรู้

อาถรรพ์! ความเชื่อโบราณ! เผาพริก เผาเกลือ อาถรรพ์การสาปแช่งที่ควรรู้ http://winne.ws/n5555

2.0 พัน ผู้เข้าชม
อาถรรพ์! ความเชื่อโบราณ! เผาพริก เผาเกลือ อาถรรพ์การสาปแช่งที่ควรรู้

การเผาพริกเผาเกลือ ถือเป็นพิธีกรรมความเชื่อพื้นบ้านที่พบเห็มาช้านานแล้ว โดยการนำพริกกับเกลือมาเผาหมายถึงเป็นการเกลียดชังชนิดที่เรียกว่า "ตายไปก็ไม่ร่วมเผาผีกันเลยทีเดียว"

สำหรับการสาปแช่งด้วยการเผาพริกเผาเกลือนั้นเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาวฮินดูโบราณปรากฏในหนังสือ “พิชัยสงครามฮินดูโบราณ” เรียบเรียงและแปลโดย ร้อยเอก ยี.อี.เยรินี (พันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์) กล่าวไว้ว่า

“มีคำกล่าวว่า ผู้ที่มีความโกรธแค้นนักกับผู้ใด ๆ เคยหยิบเกลือมาหยิบมือหนึ่ง ถ้าเป็นเวลาเช้าหันหน้าไปยังบูรพาทิศ กล่าวคำสาบานแช่งด่าผู้ที่ตนโกรธแค้นนั้นพอแรงแล้ว จึงรดลงน้ำที่เกลือ หมายว่าจะให้ผู้ที่เป็นศัตรูนั้นฉิบหายละลายไปดุจดังเกลือละลายน้ำ ถ้าเป็นเวลาเย็น ต้องหันหน้าไปยังประจิมทิศสาบานแช่งด่าผู้ที่โกรธนั้นเสียให้มากๆจนพอแก่ความแค้นแล้ว จึงเอาเกลือหยิบมือหนึ่งนั้นสาดเข้าในกองไฟ หวังให้ผู้เป็นศัตรูที่โกรธแค้นกันนั้น แตกประทุกระจายเรี่ยรายไปด้วยภัยอันตรายต่าง ๆ ดุจดังเกลือประทุแตกระเบิดป่นไปด้วยไฟ

แต่ธรรมเนียมชาวสยามใหม่ในภายหลัง ใช้เผาพริกแห้ง เป็นการสาบานแช่งให้ร้ายแก่ผู้เป็นศัตรู หมายใจว่าจะให้ผู้ที่ตนโกรธแค้นนั้นได้ทุกข์เดือดร้อนนัก ดุจดังผู้ที่ต้องพริกแสบร้อนกระสับกระส่ายวุ่นวายในใจฉะนั้น ธรรมเนียมนี้เห็นจะสืบเนื่องมาแต่ธรรมเนียมที่ชาวฮินดูโบราณเอาเกลือมาวางที่ใบดาบและรดน้ำเกลือละลายให้สาบานนั้น”

การที่เราจะไปสาปแช่งผู้อื่นนั้นนอกจากจะเป็นการสร้างกรรมแล้ว เราเองก็ไม่สามารถบอกได้หรอกว่าผู้ที่เราสาปแช่งนั้นจะเป็นไปตามคำพูดของเราหรือไม่ ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง หากเขาไม่ดีจริงสักวันกรรมย่อมลงโทษเขาเองอยู่แล้ว อย่าไปพยาบาทเขาเลย จะยิ่งเป็นการจองเวรกันเสียเปล่า ๆ ดูตัวอย่างจาก เรื่องของพระเทวทัต ที่ตามจองล้างจองผลาญพระพุทธเจ้าทุกภพทุกชาติ สุดท้ายก็แพ้ ลงสู่อเวจี ดังบันทึกในคัมภีร์พระพุทธศาสนานั่นเอง

เพราะแท้จริงแล้ว การผูกอาฆาตพยาบาท ก็เหมือนการผูกเชือก 2 เส้นเข้าด้วยกัน ต่างก็ดึงปลายเชือกให้ปมแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีวันคลายได้ นอกจากจะแก้ปมนั้นออก ด้วยการแผ่เมตตาให้กันและกัน จึงจะคลายได้

เรียบเรียงบทความโดย HoroscopeThaiza.com

ข้อมูล...roikamhom.blogspot.com

ขอบคุณภาพจากgoogle.com

แชร์