อะไร? เป็นลางบอกเหตุ การตาย ของเทวดา นางฟ้า บนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ? เขาคิดอะไรเวลาใกล้ตาย ?

อะไร? เป็นลางบอกเหตุ การตาย ของเทวดา นางฟ้า บนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ? เมื่อเทวดาและนางฟ้าจะต้องตายจากสวรรค์ มีอะไรเป็นลางบอกเหตุ และเขาคิดอะไร รู้สึกอย่างไรบ้าง เหมือนมนุษย์ใกล้จะตายหรือเปล่า http://winne.ws/n8004

1.1 หมื่น ผู้เข้าชม
อะไร? เป็นลางบอกเหตุ การตาย ของเทวดา นางฟ้า บนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ? เขาคิดอะไรเวลาใกล้ตาย ?

ชีวิตในสังสารวัฏเป็นชีวิตที่ยาวนาน หาเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลายได้ยาก ตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลส ตราบนั้นเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิดนับภพนับชาติไม่ถ้วน

        เทวภูมิ หรือ สวรรค์ คือ ภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของสัตว์อันเป็นทิพย์ ที่มีรัศมีสว่างไสวรอบกายตลอดเวลา เหตุที่ทำให้มาเกิดเป็นเทวดาเพราะได้สร้างบุญกุศลไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เมื่ออุบัติขึ้นก็ตั้งอยู่ในวัยหนุ่มสาวทันที เรียกว่า ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ ไม่ต้องนอนในครรภ์มารดา หรืออยู่ในฟองไข่ก่อน ส่วนจะอุบัติขึ้น ณ สวรรค์ชั้นไหน เป็นเทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะ อะไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญที่ตัวเองสั่งสมมาเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ สวรรค์มีด้วยกัน 6 ชั้น ได้แก่

        1. จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 ตั้งอยู่ ณ เชิงเขาสิเนรุ

         2. ตาวติงสเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 2 ตั้งอยู่ที่หน้าตัดของเขาสิเนรุ

        3. ยามาเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 3 ตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไปในอากาศ

        4. ดุสิตาเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 4 ตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไปในอากาศ

        5. นิมมานรตีเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 5 ตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นดุสิตขึ้นไปในอากาศ

         6. ปรนิมมิตวสวัตดีเทวภูมิ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 6 ตั้งอยู่สูงจากสวรรค์ชั้นนิมมานนรดีขึ้นไปในอากาศ

        เทพบุตรจะมีวัยงามในช่วงอายุราว 18-20 ปี ส่วนเทพธิดาจะมีวัยงามในช่วงอายุราว 16-18 ปี มีวัยหนุ่ม วัยสาว งดงามตลอดเวลา ไม่มีวันร่วงโรยรา ไม่มีความแก่ ฟันไม่หัก ผมไม่หงอก เหมือนมนุษย์ เมื่อบังเกิดขึ้นแล้ว ร่างกายจะมีผิวพรรณวรรณะที่เปล่งปลั่ง มีแผ่รัศมีสว่างไสวคลุมกาย เป็นปริมณฑลทรงกลม บางตนมีรัศมี 10 วา บางตน 1 โยชน์ บางตน 2 โยชน์ จนถึง 12 โยชน์ก็มี ตามกำลังบุญที่ตนได้สั่งสมไว้

อะไร? เป็นลางบอกเหตุ การตาย ของเทวดา นางฟ้า บนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ? เขาคิดอะไรเวลาใกล้ตาย ?ขอบคุณภาพจาก www.dmc.tv

ความตายของเหล่าทวยเทพ จะมีลางบอกเหตุ ที่เรียกว่าบุพนิมิตที่จะทำให้จุติจากสวรรค์ มีอยู่ 5 ประการ ดังที่มีกล่าวไว้ใน จวมานสูตร2) ว่า

        “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด เทวดาเป็นผู้จะต้องจุติจากเทพนิกาย เมื่อนั้น นิมิต 5 ประการ ย่อมปรากฏแก่เทวดานั้น คือ ดอกไม้ย่อมเหี่ยวแห้ง 1 ผ้าย่อมเศร้าหมอง 1 เหงื่อย่อมไหลออกจากรักแร้ 1 ผิวพรรณเศร้าหมอง ย่อมปรากฏที่กาย 1เทวดาย่อมไม่ยินดีในทิพอาสน์ของตน 1”

        จากพระสูตรนี้ เวลานิมิตปรากฏ เริ่มตั้งแต่ดอกไม้ที่เทพบุตรเทพธิดาประดับนั้น จะเหี่ยวแห้งลง คือ หมดความงดงาม เหมือนทิ้งไว้กลางแดดให้เหี่ยวแห้งฉะนั้น ต่อมาภูษาทิพย์ที่เทพบุตรเทพธิดานุ่งห่มตามปกติ สีสันที่เคยสดใส ก็จะหม่นหมองลงเรื่อยๆ เมื่อเทพบุตรเทพธิดาเห็นความผิดปกติของภูษาทิพย์แล้วก็เกิดความสลดใจ ความทุกข์ระทมใจนี่เอง เป็นเหตุให้หยาดเหงื่อไหลออกจากรักแร้ทั้ง 2 ซึ่งปกติแล้วเทวดาจะไม่มีเหงื่อ เพราะสรีระกายของเขาจะสะอาดเกลี้ยงเกลา เหมือนแก้วมณีที่บริสุทธิ์โดยกำเนิด เมื่อหมดบุญไม่ใช่แค่เหงื่อไคลเท่านั้น แม้แต่เหงื่อกาฬก็จะไหลออกจากร่างกายอีกด้วย ร่างกายของเทพบุตร เทพธิดานั้นจะหนักอึ้ง ด้วยข่ายมุกดาที่ตนประดับ 

        เมื่อนิมิตเริ่มบังเกิดขึ้น เทพบุตร เทพธิดาเห็นความเปลี่ยนแปลงในตน รัศมีกายจะค่อย ๆ ลดลง เกิดความไม่ยินดีในเทวโลก หมดความชื่นชมในทิพยอาสน์ของตน เทพบุตรแม้เห็นเทพธิดาอยู่ล้อมรอบ ก็ไม่ยินดี คล้ายเวลาเจ็บป่วยไม่เห็นอะไรที่จะสวยงาม แม้มหรสพจะขับกล่อมไพเราะเพียงใดก็เบื่อหน่าย ไม่อยากดู ไม่อยากฟัง

        สำหรับเทพบุตรผู้มีบุญนั้น จุตินิมิตจะปรากฏให้รู้ตลอด 7 วันในเทวโลก เมื่อจุตินิมิตปรากฏชัดมากขึ้น เทพบุตร เทพธิดานั้น จะเกิดความโศกเข้าครอบงำจิตใจ เกิดความคิดกระวนกระวาย เพราะคิดว่า เราจะต้องจากสมบัติอันเป็นทิพย์นี้ไปเสียแล้ว เทพบางองค์ไม่สามารถระงับความทุกข์ได้จึงเที่ยวพร่ำเพ้อพิไรรำพัน บางองค์ตั้งสติได้แม้ไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา แต่ใจนั้นรุ่มร้อน ไม่สามารถอดกลั้นความทุกข์ไว้ได้

อะไร? เป็นลางบอกเหตุ การตาย ของเทวดา นางฟ้า บนสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ? เขาคิดอะไรเวลาใกล้ตาย ?ขอบคุณภาพจาก m.dmc.tv

บุพนิมิตเหล่านี้จะมาปรากฏให้เห็นทั้งตนเอง และเทพเหล่าอื่นที่ได้เห็น ถ้าเป็นเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่ จะหลบอยู่แต่ในวิมาน ไม่กล้าออกมาให้ใครเห็น เมื่อครบ 7 วันในเทวโลก เทวดาที่มีจุตินิมิตปรากฏก็จะดับวูบไปเลย ส่วนจะไปเกิดที่ไหนก็แล้วแต่บุญบาปที่ตนสั่งสมไว้ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์

        ส่วนเทพผู้มีบุญมาก ที่ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต เมื่อรู้ว่าตนจะสิ้นอายุขัย จะไม่หวั่นกลัวต่อ มรณภัย คือมีความพร้อมเสมอสำหรับการเกิดใหม่ เพราะเคยสั่งสมบุญ ให้ทาน รักษาศีลไว้ดีแล้ว เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เมื่ออยู่เทวโลกก็มิได้ประมาทเที่ยวเพลิดเพลินเหมือนอย่างเทพองค์อื่น และมีความมั่นใจว่า เมื่อจุติแล้วจะต้องไปเกิดในภูมิที่สูงขึ้น หรือเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีสัมมาทิฏฐิ เมื่อบุพนิมิตบังเกิดจะพากันไปสู่สวนนันทวัน ซึ่งเป็นอุทยานสวรรค์ มีแท่นจุติให้กับเหล่าเทพที่รู้ตัวว่าจะจุติ เหล่าเทพทั้งหลาย ที่ทราบข่าวก็จะพากันมาอวยพรให้บังเกิดในภูมิที่ดีมีสุข

        เรื่องราวของการอุบัติ และการจุติของเทวดา เป็นเรื่องธรรมดาของโลก ที่มีเกิดและมีดับ เทวดาแม้จะสุขสบายเพียงไร แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีวันที่จะจุติ ละจากอัตภาพที่ตนดำรงอยู่เช่นกัน เทวดาทั้งหลายที่ยังตกอยู่ในความประมาท ไม่รู้เรื่องราวความจริงของชีวิตก็มาก หลงระเริงเพลิดสนุกสนานใน ทิพยสมบัติอันไม่จีรัง เมื่อวาระแห่งสุดท้ายของชีวิตมาถึง ย่อมเศร้าโศก พร่ำเพ้อพิไรรำพัน เรื่องนี้ก็เป็นแง่คิดที่ให้กับการดำรงชีวิตของเราท่านทั้งหลาย ไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท หมั่นสั่งสมความดีงาม ฝึกฝนตนเองไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานให้ได้

แหล่งอ้างอิง: http://book.dou.us/doku.php?id=gl102:4

แชร์