อาซิโม (ASIMO)หุ่นยนต์ ที่ได้สัมผัสกับพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย
อาซิโม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯในหลวงครั้งแรกเมื่อปี 2545 ที่พระราชวังไกลกังวล โดยน้อมเกล้าฯถวายกุญแจรถยนต์ซีวิคไฮบริดที่เพิ่งนำเข้ามาในปี 2002 พร้อมกับถวายพระพรด้วยคำพูดว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ http://winne.ws/n9359
หลายคนคงนึกอิจฉา อาซิโม (ASIMO)หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ของฮอนด้า ที่ได้สัมผัสกับพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย
อาซิโม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าฯในหลวงครั้งแรกเมื่อปี 2545 ที่พระราชวังไกลกังวล โดยน้อมเกล้าฯถวายกุญแจรถยนต์ซีวิคไฮบริดที่เพิ่งนำเข้ามาในปี 2002 พร้อมกับถวายพระพรด้วยคำพูดว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ในตอนนั้น พระองค์ตรัสถามด้วยว่า "อาซิโมขับรถได้ไหม" และทำอะไรได้บ้าง นอกจากเดินและขึ้นบันได
พระองค์ท่านทรงมีรับสั่งว่า วิศวกรของฮอนด้าน่าจะพัฒนาเพื่อให้ขับรถได้ ซึ่งฮอนด้าก็ได้น้อมรับพระราชดำริ มาเป็นที่มาของแนวคิดของฮอนด้าที่จะนำความสามารถจากอาซิโมไปใส่ไว้ในรถยนต์เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้เอง โดยไม่ต้องมีอาซิโมหรือคนขับเหมือนเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ
วันนี้ อาซิโม ของฮอนด้าพัฒนาไปไกลมากและมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับหลาย ๆ ที่พยายามพัฒนา หุ่นยนต์ให้มีความคิด รู้สึกและเข้าใจมนุษย์ด้วยกันมากขึ้น
สัปดาห์ก่อนภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุดของโตโยต้า ที่หันมาพัฒนาหุ่นยนต์ "คิโระโบะ มินิ" หุ่นยนต์อัจฉริยะจากค่ายโตโยต้า เพื่อเป็นเพื่อนคู่ใจของคนยุคใหม่ในสังคมอันโดดเดี่ยว กำลังเป็นที่สนใจเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้เมื่อปี 2013 คิโระโบะได้ถูกส่งขึ้นไปเพื่อทดลองใช้งานในห้องปฏิบัติการอวกาศ ก่อนกลับมาสู่พื้นโลกในปี 2016
"คิโระโบะ มินิ" ไม่เพียงสื่อสารกับเจ้าของได้ แต่ยังเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกได้เหมือนมีชีวิตจริง ๆ โดยมีกล้องถ่ายภาพที่ติดตั้งไว้ภายในที่สามารถดูการแสดงออกสีหน้าของมนุษย์ และสามารถทักทาย ล้อเล่น ปลอบใจ และให้กำลังใจได้
ในวิดีโอ คิโระโบะสามารถอ่านความรู้สึกของหญิงสาวที่ซึมเศร้า แล้วทักว่า "มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเหรอ ?"
สามารถรู้ถึงสถานที่ประทับใจ และพูดว่า "เราเคยมาที่นี่ด้วยกันนะ" สามารถให้กำลังใจเด็กน้อยที่ได้รางวัล และหญิงสาวที่กำลังจะไปสอบสัมภาษณ์ว่า "พยายามต่อไปนะ"
หุ่นยนต์นี้ยังสามารถพูดคุยกับคนขับรถและกระทั่งเตือนคนขับรถให้ขับขี่อย่างปลอดภัยได้ เมื่อคนขับรถพูด หุ่นยนต์จะตอบรับโดยการขยับหน้าและมือ และยังสามารถพูดเตือนให้เจ้าของขับขี่อย่างปลอดภัยถ้ามีการเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
คิโระโบะยังสามารถนำมาใช้งานในบ้านได้ด้วย โดยจะบอกให้คนในบ้านทราบได้ว่าเมื่อใดที่อ่างอาบน้ำพร้อม หรือเตือนเมื่อคนในบ้านลืมล็อกประตูหรือหน้าต่าง ซึ่งสามารถใช้งานหรือควบคุมหุ่นยนต์นี้ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้
ชาวญี่ปุ่นระบุว่า "คิโระโบะ มินิ" อาจจะขายดียิ่งกว่ารถยนต์ของโตโยต้า เพราะสามารถตอบโจทย์สังคมญี่ปุ่นที่ขาดแคลนเด็กและเต็มไปด้วยคนชรา หุ่นยนต์จะกลายเป็นเพื่อนใหม่ที่ไม่เพียงช่วยแก้เหงา แต่ยังสื่อถึงความรักและความเอาใจใส่ เพราะหุ่นยนต์นี้สามารถเรียนรู้ความรู้สึกของเจ้าของ และที่สำคัญคือ "ไม่หลอกลวง ไม่หน้าเงิน ไม่เจ้าชู้ ไม่บ้าแบรนด์เนม"
ซึ่งโตโยต้ามีกำหนดจะวางขาย "คิโระโบะ มินิ" ในกรุงโตเกียวและในจังหวัดไอชิภายในเดือนมีนาคมปีหน้า สนนราคาขายราว 39,800 เยน หรือราว 13,500 บาท
ที่มา: http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1477239318#