ขอบคุณภาพจากfly.in.th

1. จองล่วงหน้า 2-3 เดือน  เวลาในการจองก่อนเดินทาง จะได้ตั๋วถูก ต้องดูจังหวะ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 แบบ สำหรับคน 2 ไลฟ์สไตล์ จองล่วงหน้า 2-3 เดือน - เขาว่ากันว่าเวลาเฉลี่ยประมาณนี้กำลังดี ไม่กระชั้นชิดเกินไป ไม่ล่วงหน้านานเกินไป และเป็นช่วงที่ตั๋วราคาดีที่สุด เหมาะกับพนักงานประจำที่เลือกวันลาพักร้อนได้แบบแน่นอน กำหนดวันไปเลย

       ซื้อตั๋วในวินาทีสุดท้าย - บ่อยครั้งที่ตั๋วจะราคาถูกมากในช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนเครื่องออก เพราะสายการบินต้องการให้เครื่องเต็ม โดยสายการบินจะส่งอีเมล หรือSMS มาบอกโปรโมชั่นเหล่านี้ เป็น Flash Sales ที่ต้องรีบคว้า เหมาะสำหรับคนที่เวลาการทำงานยืดหยุ่นสูง พร้อมเดินทางตลอดเวลา ไปไหนไปกัน

         เลือกจองทีละเที่ยว คือ ซื้อตั๋วแยก 2 ขา ขาไปและกลับคนละใบ เพราะจะได้ราคาที่ดีกว่าด้วย ลองดูตัวอย่างค่ะ

ฟีเจอร์ "Price calendar” - เหมาะมากสำหรับคนมี “งบประมาณ” และ “เวลา” จำกัด แต่อยากออกไปหาประสบการณ์ชีวิต เพราะเขามีระบบคัดกรองราคาหลายแบบ อยากหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่เกิน 10,000 บาท ระบบก็จะค้นหาจากฐานข้อมูลและพล็อตราคาลงมาในปฏิทินให้เราเลย ว่างบเท่านี้เราไปไหนได้บ้าง และที่ไหนอยู่ส่วนไหนของโลก เราก็จะได้ข้อมูลที่แคบลงไป ตรงใจเรามากขึ้นอีก เป็นต้น ใช้งานง่าย และที่สำคัญฟรี มีสำนักงานในไทย ทีมงานคนไทยคอยสนับสนุน ลองโหลดมาเล่นกันดูได้ค่ะ

ขอบคุณภาพจากregion4.prd.go.th

 2. วันจอง / วันเดินทาง อย่าหาตั๋วเครื่องบินวันเสาร์ เพราะปกติแล้วราคาตั๋วมักออกมาแบบล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ และสุดสัปดาห์คนเดินทางกันเยอะอยู่แล้ว สายการบินเลยไม่ต้องจัดโปรโมชั่น วันที่มีโอกาสได้ราคาดีที่สุดคือ วันอังคาร, พุธ เพราะเป็นช่วงเริ่มสัปดาห์ใหม่ ที่สายการบินจะอัพเดตโปรโมชั่นใหม่ให้ลูกค้า ส่วนวันเดินทางที่ดีที่สุดคือ อังคาร, พุธ, เสาร์ 3 วันนี้คนบินน้อย

ขอบคุณภาพจากedcbooking.com

3. เปลี่ยนจุดออกเดินทาง / เลือก indirect flight  บางครั้งจะเดินทางไกลๆ เช่น ยุโรป, อเมริกา เลือกจุดออกเดินทางเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ อย่างเวียดนาม หสิงคโปร์ จะได้ราคาดีกว่า และเราก็เลือกสายการบิน Low-cost บินไปยังประเทศนั้นๆ อีกที ถือเป็นการแวะเที่ยวในตัวไปด้วย ทริปนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มีสำภาระน้อย ไม่ต้องโหลดอะไรเยอะๆ 

ขอบคุณภาพจากmoney.kapook.com

4. จองตั๋วกับออนไลน์เอเจนซี่  จองตั๋วกับสายการบินโดยตรง ราคาไม่ได้ถูกเสมอไป เอาจริงๆ คนทั่วไป คิดว่าจองโดยตรงบนเว็บสายการบินจะได้ราคาถูกกว่า หรือเดินเข้าร้านบริษัททัวร์ที่เป็นตัวแทนขายตั๋วน่าเชื่อถือกว่าเป็นการเข้าใจผิด  จริงๆ แล้ว หลายๆ “OTA” หรือ Online Travel Agency เดี๋ยวนี้เขามีกลไกทางการตลาดในการทำให้ราคาตั๋วถูกลง จนถูกกว่าหน้าเว็บสายการบินเองด้วยซ้ำ  และเว็บพวกนี้ มักจะ user-friendly และมีฟังก์ชั่นในการใช้ค้นหาเที่ยวบินได้ตรงตามใจมากกว่า  ที่สำคัญ บางสายการมีเงื่อนไข จ่ายได้เฉพาะบัตรเครดิต (แถมจะโดนชาร์จค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก) หรือรับเงินสดได้เฉพาะเมื่อโทรจองกับคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น ฯลฯ ในขณะที่พวก OTA เหล่านี้ จะรับชำระได้แทบหมดทุกวิธี แม้แต่ใช้ LinePay หรือ PayPal จ่ายก็ยังได้

ขอบคุณภาพจากtripigator.com

5. ใช้บริการประเภท Metasearch ช่วย แทนที่จะต้องเปิดหาราคาตั๋วทีละเว็บ ทีละสายการบิน เดี๋ยวนี้เขามีบริการที่เรียกว่า "Metasearch" คือ เว็บที่ช่วยดึงราคาจากทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตมารวมไว้ในที่เดียว ช่วยประหยัดเวลา ใน Metasearch ทำให้สามารถรู้ได้ในคลิกเดียวว่า ควรจองตั๋วที่ไหน สายการบินใด มีตั๋วราคาเริ่มต้นเท่าไรสำหรับเส้นทางนั้นๆ ปัจจุบันมีหลายบริการให้เลือก แต่มีฟีเจอร์ครบ ตอบโจทย์คนหาตั๋วถูกที่สุด เช่น “Jetradar”  มีเป็นเวอร์ชั่น App ด้วยมีหลายฟีเจอร์ที่เด็ดค่ะ

ขอบคุณเรื่องจากthairat.co.th