“โรคไม่รู้จักความลำบาก” เชื้อโรคคือ สมาร์ทโฟน และ แทปเล็ต
เคยสงสัยบ้างไหม..ว่าทำไม เด็กสมัยนี้ ไม่ค่อยอดทนกับสิ่งใด เลย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิต ทุกวันนี้เราเห็นเด็กถือแต่สมาร์ทโฟน ไอแพดไว้เล่นเกม ครอบครัวเองก็เลี้ยงลูกตามใจ จึงทำให้เด็กไทยมีโรคใหม่ติดตัวที่ชื่อว่า “โรคไม่รู้จักความลำบาก” http://winne.ws/n11172
อ่านจบแล้วอย่าเก็บไว้คนเดียว โรคไม่รู้จักความลำบาก ถึงเวลาพ่อแม่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก
เคยสงสัยบ้างไหม..ว่าทำไม เด็กสมัยนี้ ไม่ค่อยอดทนกับสิ่งใด เลย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิต ทุกวันนี้เราเห็นเด็กถือแต่สมาร์ทโฟน ไอแพดไว้เล่นเกม ครอบครัวเองก็เลี้ยงลูกตามใจ จึงทำให้เด็กไทยมีโรคใหม่ติดตัวที่ชื่อว่า “โรคไม่รู้จักความลำบาก”
บทความจาก FB Basic-Skill for young children พูดถึง “โรคไม่รู้จักความลำบาก” เป็นโรคใหม่ที่เกิดขึ้นสำหรับเด็กๆ และจะกลายเป็นปัญหาต่อการเติบโต หากพ่อแม่ไม่ได้เลือกสร้างภูมิคุ้มกันของความลำบากให้ลูก ไม่เลือกให้ลูกได้ออกไปพบเจอโลกของความจริงที่ว่า ชีวิตแม้ว่าจะรวยหรือจนก็ไม่มีใครสบายได้ตลอดไป ต้องมีความลำบาก ความทุกข์ เกิดขึ้นปะปนกัน โดยสาเหตุที่เด็กถึงเป็นโรคไม่รู้จักความลำบาก
1.มีเทคโนโลยีครอบงำ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างการใช้สมาร์ทโฟน แทปเล็ต ได้กลายมาเป็นสื่อที่มีบทบาทกับเด็ก ๆ ตั้งแต่ตัวเล็กในยุคดิจิตอล และมีอิทธิพลมากขึ้นกว่าในสมัยก่อน ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ หลายราคาที่จับต้องได้ ทำให้พ่อแม่ยุคใหม่หยิบยื่นให้ลูกใช้ง่าย ๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร และไม่พยายามปฏิเสธหรือเบี่ยงเบนความสนใจให้ลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น
2.อยากให้ลูกสบายเป็นผลทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว
การมีพี่เลี้ยงไว้คอยดูแลลูกน้อย เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่อันเหนื่อยหนักของพ่อแม่ โดยไม่ยอมสอนลูกให้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง จนลูกไม่สามารถทำอะไรเป็นได้ เมื่อเติบโตขึ้นในสังคม เช่น เริ่มต้นเข้าโรงเรียนก็จะกลายเป็นภาระให้กับบุคคลรอบข้างที่ต้องคอยช่วยเหลือ
3.ปกป้องลูกมากเกินไป
เพราะความกังวลเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับลูกรัก จึงไม่หาโอกาสพาลูกออกไปเปิดประสบการณ์ต่อโลกภายนอก และจำกัดที่ทางให้ลูกอยู่ภายใน comfort zone ยอมให้ลูกนั่งดูทีวี เปิดยูทูป เล่นเกมในไอแพด ซึ่งเป็นการปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้กับสังคมภายนอก และไม่รู้จักกับการแยกแยะความแตกต่างระหว่างคนดีกับคนไม่ดี ขาดการสังเกตและเรียนรู้
4.ไม่ยอมปล่อยให้ลูกลำบาก เพราะพ่อแม่เคยลำบากมาก่อน
เพราะไม่อยากให้ลูกมีชีวิตเหมือนที่ตนเองเคยเป็นมาก่อน พอฐานะดีขึ้นจึงส่งเสริมและเลี้ยงลูกด้วยวัตถุ เงินทอง ฯลฯ เหล่านี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนขาดความอดทน ไม่มีความมั่นคงในจิตใจ อ่อนแอ และแข็งกระด้าง
5.การใช้ชีวิตติดรูปแบบจากอิทธิพลของสื่อ
ด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงอย่างรวดเร็ว และมีการนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดูสวยหรูผ่านสื่อทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ มีการโชว์และแชร์ถ่ายภาพ อวดของหรู ชูของสวย ด้วยอิทธิพลของสื่อเองและการเลี้ยงลูกแบบตามใจมาก่อน ทำให้เด็กเกิดความอยากได้อยากมีตามกระแสสังคม
ดังนั้น การเลือกสอนให้ลูกรู้จักกับความลำบาก ฝึกลูกให้มีหน้าที่รับผิดชอบ รู้การแบ่งปัน การให้ และเรียนรู้ หรือพยายามทำด้วยตัวเองได้ตั้งแต่เด็กย่อมเป็นสิ่งที่ดี
คำแนะสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะดูแลเยาวชนในการใช้สื่อเทคโนโลยี
จำง่าย ๆ ใช้หลัก 2 ว 2 น
ว.ที่ 1 คือ วัย #.. อายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรใช้สื่ออิเล็กทรอนิกทุกชนิด
#.. อายุน้อยกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้อินเตอร์เน็ต
#.. อายุน้อยกว่า 13 ปี ไม่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทุกชนิด
ว.ที่ 2 คือ เวลา
#.. แม้อายุเด็กเกินกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว แต่ก็ควรจำกัดการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน โดยเฉพาะใช้เพื่อความบันเทิง เล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ต หากเล่นเพื่อการศึกษาให้ผู้ใหญ่พิจารณาตามความเหมะสม
#.. แนะนำการใช้ให้เหมาะสมกับเวลา งดการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเวลานอน หรือเวลารับประทานอาหาร รวมทั้งไม่ใช้ในขณะทำกิจกรรมอื่น เช่น ใช้ถนน หรือ ขับขี่ ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
#.. วางโทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ไม่วางในห้องนอนหรือที่ลับตา หาเวลาและกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกันในครอบครัว เช่นการทำกิจกรรม หรือ ไปเที่ยวนอกบ้าน นอกเหนือการสื่ออิเล็กทรอนิกส์
และอีก 2 น
น.ที่ 1 คือ เนื้อหา
#.. ผู้ปกครองควรทราบเนื้อหารายการ เกมส์ website และ Application ที่ลูกใช้
#.. ควบคุมการใช้สื่อที่มีความรุนแรง ยาเสพติด หรือเนื้อหาทางเพศที่ไม่เหมาะสมกับวัย หากเป็นรายการทางโทรทัศน์สามารถเลือกรายการ ตามการจัดระดับความเหมาะสมตามวัยดังรูป
#.. ติดตั้งโปรแกรมติดตามการใช้อินเตอร์เน็ตและขัดขวางการเข้าใช้เวปไซต์ที่ไม่เหมาะสม เช่น โปรแกรม ICT Housekeeper ของกระทรวงICT โปรแกรม Gamer Guard ของกระทรวงวัฒนธรรม และโปรแกรมใส่ใจ เป็นต้น
น. ที่ 2 คือแนะนำ
#.. ร่วมกันกำหนดกติกากับเด็ก เกี่ยวกับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในเรื่องระยะเวลาที่ใช้และเนื้อหาต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มใช้
#.. ผู้ปกครองควรร่วมใช้สื่อต่าง ๆเหล่านี้ ร่วมกับเด็ก และคอยให้คำแนะนำเด็ก หากพบรายการที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
#.. เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
.............................................
ที่มา : บทความจาก FB Basic-Skill for young children
คุณอมรินทร์ บุพศิริ, ชมรมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กแห่งประเทศไทย
lineกลุ่ม : คนดี