"น้ำลาย" ไม่น่าเชื่อว่ามีประโยชน์มากมายขนาดนี้
ประโยชน์ของน้ำลาย http://winne.ws/n14582
น้ำลาย (saliva) เป็นสารคัดหลั่งที่ผลิตมาจากต่อมน้ำลายในช่องปากได้แก่ ต่อมน้ำลายพาโรติด (parotid gland) และต่อมน้ำลายซับแมนดิบูล่า (submandibular gland) ซึ่งเป็นต่อมน้ำลายขนาดใหญ่รวมถึงต่อมน้ำลายขนาดเล็กอื่นๆ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ น้ำลายชนิดใส และน้ำลายชนิดเหนียว
น้ำลายประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำและเศษเล็กๆของเยื่อบุผิว แบคทีเรีย และเศษอาหารรวมอยู่ด้วย โดยส่วนที่เป็นน้ำ คือน้ำลายที่หลั่งออกมาจากต่อมน้ำลาย ประกอบด้วยเกลือแร่ และโปรตีนชนิดต่างๆ [1]นอกจากนั้น น้ำลายยังมีส่วนผสมของน้ำเหลืองที่มาจากเหงือก
องค์ประกอบของน้ำลาย
1. น้ำ พบประมาณ 99.5% ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลาย
2. เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ทำหน้าที่ย่อยแป้งให้มีโมเลกุลขนาดเล็ก
3. น้ำเมือก (Mucus) ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตผสมกับโปรตีนทำหน้าที่ช่วยให้อาหารรวมกันเป็นก้อน ทำหน้าที่ล่อลื่นอวัยวะภายในช่องปากช่วยไม่ให้ปากแห้ง และช่วยให้กลืนอาหารได้สะดวก
หน้าที่และประโยชน์ของน้ำลาย (ไม่น่าเชื่อว่ามีประโยชน์มากมายขนาดนี้)
น้ำลายมีส่วนประกอบของสารต่างๆหลายชนิดที่ช่วยรักษาสภาพของช่องปากและฟันให้อยู่ในสภาวะปกติ ความสำคัญของน้ำลายที่เห็นได้ชัด ได้แก่ในผู้ป่วยที่มีน้ำลายน้อย (hyposalivation) จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการเคี้ยว และการกลืนอาหารลำบากรวมถึงเกิดปัญหาในการพูดที่เกิดจากการอักเสบของลิ้น และเยื่อบุภายในช่องปากรวมถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องปากเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอกคัส เชื้อแลคโตบาซิลลัส และเชื้อราแคนดิคาอัลบิแคนส์ ที่ส่งผลทำให้เกิดโรคฟันผุ และโรคในระบบทางเดินอาหารต่างๆตามมาโดยมีบทบาทที่สำคัญ ได้แก่
1.บทบาทต่ออาหาร
–น้ำลาย ทำหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยเอนไซม์หลายชนิดที่เป็นส่วนประกอบ อาทิเอนไซม์อะไมเลส (amylase)ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารจำพวกแป้ง
–น้ำลาย ช่วยในการรับรู้รส ด้วยเอนไซม์ในน้ำลายที่ช่วยกระตุ้นการรับรู้รส อาทิเอนไซม์กัสติน (gustin)
–น้ำลาย ช่วยในการรวมตัวให้เป็นก้อนของอาหารที่เคี้ยวแล้วด้วยน้ำลายมีสภาพเหนียวจึงทำหน้าที่ช่วยให้เศษอาหารที่เคี้ยวแล้วเกิดการรวมตัวกันได้ดีลดการเกาะ และตกตกค้างในช่องฟัน
2.บทบาทต่อช่องปาก และลิ้น
–น้ำลายช่วยล่อลื่นอวัยวะในช่องปาก ป้องกันไม่ให้ปากแห้ง
–น้ำลายช่วยในการเคลื่อนไหวของลิ้น ช่วยให้พูดชัดถ้อยชัดคำ เป็นไปตามธรรมชาติ
3.บทบาทต่อฟัน
–น้ำลาย มีความสามารถเป็นบัพเฟอร์ที่ดี (buffer capacity) โดยมีไบคาร์บอเนตเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เกิดความสมดุลของกรด-ด่างในน้ำลาย ทำให้ค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ในช่วง6.5-7.5 หรือเฉลี่ยประมาณ 6.7 ช่วยลดการกัดกร่อนฟันได้โดยตรงแต่หากน้ำลายมีค่าความเป็นกรดหรือด่างสูงจะมีผลต่อการกัดกร่อนฟัน ทั้งนี้ความสามารถในการเป็นบัพเฟอร์ของน้ำลายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอัตราการไหลของน้ำลายกล่าวคือ หากน้ำลายไหลเร็วจะมีค่าบัพเฟอร์ที่ดี หรือ มีความเป็นกลางสูง เข้าใกล้ 7แต่หากไหลช้าจะมีค่าความเป็นกรดสูง ประมาณ 5.3 และเป็นด่างสูง ประมาณ 7.8โดยมีไบคาร์บอเนตเป็นสาระสำคัญในการควบคุมกรด-ด่าง
–น้ำลาย ทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นฟัน (lubrication) โดยมีสาระสำคัญทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่น ได้แก่มิวซิน (mucin) และ โปรลีนริชไกลโคโปรตีน (proline-rich glycoprotein) ช่วยลดการสึกกร่อนของฟันจากการเสียดสีและกระแทกกัน
–น้ำลายช่วยป้องกันการละลายของแร่ธาตุบนผิวฟันและช่วยส่งเสริมการสะสมแร่ธาตุให้เคลือบผิวฟัน อาทิช่วยการเกาะติดของแคลเซียมบนผิวฟัน แต่หากเกาะติดมากจะทำให้ฟันเหลืองและเป็นคราบหินปูน
–น้ำลายมีโปรตีน และไกลโคโปรตีนที่ทำหน้าที่เกาะรวมกันเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบฟันช่วยป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุออกจากฟัน
– ช่วยรักษาระดับความสมดุลของแร่ธาตุในน้ำลายและฟัน
–ปรับสภาพความเป็นกรดหรือด่างของอาหารให้เป็นกลางช่วยป้องกันสภาพดังกล่าวในการกัดกร่อนฟัน
อีกหน้าที่ที่สำคัญของน้ำลาย คือ
หน้าที่ป้องกันการเกิดฟันสึกกร่อนของน้ำลาย
1. ละลายและชะล้างอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
2.ปรับสภาวะความเป็นกรดของอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนให้มีสภาพเป็นกลาง
3. รักษาระดับความอิ่มตัวอย่างยิ่งยวดของแคลเซียมและฟอสเฟตที่ผิวฟัน
4. ช่วยป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุออกจากผิวฟันและส่งเสริมให้เกิดกระบวนการคืนกลับของแร่ธาตุ
5. สร้างแผ่นฟิล์มอยู่บนผิวเคลือบฟันโดยการดูดซับโปรตีนและไกลโคโปรตีนในน้ำลายมาสร้างเพื่อป้องกันการสูญเสียแร่ธาตุออกจากผิวฟัน
4. บทบาทการต้านจุลชีพในช่องปากและระบบทางเดินอาหาร
– น้ำลายช่วยลดการเติบโตและการแพร่จำนวนของเชื้อจุลชีพก่อโทษในช่องปาก ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและเชื้อราช่วยให้ช่องปากเกิดความสมดุล ไม่มีการแพร่จุลชีพก่อโรคมากและไม่ให้เกิดโรคในช่องปาก นอกจากนั้น น้ำลายยังมีคุณสมบัติช่วยลดการติดต่อและแพร่กระจายของเชื้อเอดส์ โดยมีรายงานหลายฉบับที่ช่วยสนับสนุนว่าน้ำลายของผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ยังไม่แสดงอาการนั้น จะพบเชื้อไวรัสเอดส์อยู่น้อยมากแต่สามารถติดต่อผ่านน้ำลายได้ หากน้ำลายมีเลือดของผู้ติดเชื้อปะปน [2]
– น้ำลายช่วยยับยั้งการเกาะของเชื้อจุลชีพบนเยื่อบุในช่องปากและบนผิวฟัน ช่วยป้องกันโรคเหงือกอักเสบ และโรคฟันผุ
ขอบคุณที่มา : thaihealthlife.com
เอกสารอ้างอิง
[1] กรัณฑ์รัตน์ ทิวถนอม, 2543, การวัดระดับยาในน้ำลาย :ทางเลือกใหม่ของการติดตามผลการรักษาด้วยยา, วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, ปีที่ 19-20 ฉบับที่ 2.
[2] ชัชศรี เขื่อนสุวรรณ ประไพ ศิวโมกษธรรมและวิจิตร คำอ้าย, การตรวจหาการติดเชื้อเอดส์จากน้ำลาย –
ในผู้ป่วยที่มารับการรักษาทางทันตกรรม, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.