พลาสเตอร์ยา….ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี ?

เวลาที่คนเราเกิดบาดแผลเล็กๆน้อย สิ่งที่จะช่วยรักษาบาดแผลได้ซึ่งถูกนำมาใช้กันบ่อยครั้ง คือ พลาสเตอร์ยา เพราะทั้งสะดวก หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีสรรพคุณสามารถสมานแผลได้ดี http://winne.ws/n19582

6.8 พัน ผู้เข้าชม
พลาสเตอร์ยา….ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี ?ขอบคุณรูปภาพจาก : www.market.onlineoops.com/52610

เวลาที่คนเราเกิดบาดแผลเล็กๆน้อย สิ่งที่จะช่วยรักษาบาดแผลได้ซึ่งถูกนำมาใช้กันบ่อยครั้ง คือ พลาสเตอร์ยา เพราะทั้งสะดวก หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง และมีสรรพคุณสามารถสมานแผลได้ดี ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมและมีสีสันลวดลายสวยงามต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามการใช้พลาสเตอร์ยาก็ใช่จะมีผลดีเสมอไป หากใช้อย่างผิดวิธีก็จะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน 

ใช้พลาสเตอร์ยาอย่างไรให้แผลหายดี ? 

ก่อนการเลือกซื้อพลาสเตอร์ยามาใช้ควรดูสภาพบาดแผลของคุณก่อนว่าเป็นบาดแผลที่มีขนาดใหญ่หรือไม่ และบาดแผลนั้นลึกหรือไม่ หากเป็นบาดแผลขนาดใหญ่หรือลึกไม่ควรที่จะเลือกซื้อพลาสเตอร์ยามาใช้เพื่อรักษาแผล แต่หากเป็นบาดแผลเล็กๆน้อยๆก็สามารถใช้ได้ ซึ่งควรเลือกลักษณะแบบมีรูปพรุนสามารถระบายอากาศได้ดีจะเป็นผ้าหรือพลาสติกก็ได้ สำหรับบาดแผลที่อยู่ในบริเวณที่มีขนมาก แนะนำให้เลือกใช้แบบพลาสติก เพราะจะไม่ทำให้พลาสเตอร์ติดแน่น และก่อนที่จะใช้พลาสเตอร์ยาควรทำความสะอาดแผลและทายาให้ดีก่อน เพราะถ้าหากคุณไม่ทำความสะอาดและทายาให้ดีเชื้อโรคที่อยู่ในบาดแผลจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อาจทำให้บาดแผลติดเชื้อลุกลาม ที่สำคัญไม่ควรใช้พลาสเตอร์ยาปิดบาดแผลเป็นระยะเวลานาน ควรเปิดให้บาดแผลให้สัมผัสกับอากาศเพื่อทำให้บาดแผลแห้งได้เร็วขึ้น สำหรับพลาสเตอร์ยาที่ใช้แล้ว ห้ามนำกลับมาใช้อีกครั้ง ทุกครั้งที่ใช้เสร็จแล้วให้ทิ้งทันที 

ข้อห้ามของพลาสเตอร์ยา !!!! 

พลาสเตอร์ยาหากนำมาใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้แผลติดเชื้อและเกิดแผลเน่าได้ ข้อห้ามของการใช้พลาสเตอร์ยา คือ ห้ามใช้ปิดบาดแผลเป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้บาดแผลไม่แห้งและสมานได้ช้า นอกจากนั้นห้ามให้บาดแผลที่ติดพลาสเตอร์ยาโดนน้ำ เพราะเมื่อเกิดการเปียกชื้นก็จะทำให้แผลเน่า ยิ่งถ้าเป็นน้ำที่ไม่สะอาดก็จะติดเชื้อลุกลามบาดแผล สุดท้ายหากต้องการแกะพลาสเตอร์ยาออกควรใช้ความระมัดระวัง และแกะอย่างเบามือที่สุด เพราะอาจทำให้บาดแผลอักเสบเพิ่มขึ้นได้อีก 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.prakaifai.blogspot.com/2010/11/blog-post_16.htmlhttp://www.todayhealth.org

แชร์