สุขภาพปากและฟันที่ดีคืออะไร

การรักษาสุขภาพปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณจะทำเพื่อเหงือกและฟันของคุณ ฟันที่แข็งแรงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คุณรับประทานได้สะดวก และพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำอีกด้วย http://winne.ws/n24142

773 ผู้เข้าชม
สุขภาพปากและฟันที่ดีคืออะไร

สุขภาพปากและฟันที่ดีหมายถึง
            - ฟันที่แลดูสะอาดไม่มีเศษอาหารติดอยู่
            - เหงือกสีชมพู ไม่เจ็บ หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟันหรือขัดฟัน
            - ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก

       ถ้าเหงือกมีอาการเจ็บหรือเลือดออกเวลาแปรงฟันหรือขัดฟันหรือมีปัญหาเรื่องกลิ่นปากตลอดเวลา ควรพบทันตแพทย์เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหา

       ทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคเพื่อสุขภาพปากและฟันที่ดีตลอดจนแนะนำบริเวณที่ต้องดูแลเป็นพิเศษระหว่างแปรงฟันหรือขัดฟัน

สุขภาพปากและฟันที่ดีจะปฏิบัติได้อย่างไร

       การรักษาสุขภาพปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณจะทำเพื่อเหงือกและฟันของคุณฟันที่แข็งแรงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คุณรับประทานได้สะดวกและพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำอีกด้วยสุขภาพปากและฟันที่ดีจึงมีความสำคัญต่อการความเป็นอยู่ที่ดี

       การดูแลประจำวันซึ่งก็คือการแปรงฟันอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันเกี่ยวกับช่องปากทำให้เจ็บตัวน้อยกว่า ประหยัดกว่า และวิตกกังวลน้อยกว่าการที่ต้องรับการรักษาเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว


สุขภาพปากและฟันที่ดีคืออะไร

ความหมายของการทำความสะอาดช่องปากคือ

    สะอาด หมายถึงลดคราบจุลินทรีย์ให้เหลือน้อยที่สุด
    ทั่วถึง หมายถึง แปรงทุกซี่ ทุกด้านเน้นการแปรงบริเวณขอบเหงือกเป็นสำคัญเพราะจะเป็นจุดหมักหมม ทำให้เกิดโรคในช่องปากได้ง่าย
    สม่ำเสมอ หมายถึง แปรงฟันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2ครั้ง
    ไม่เป็นอันตรายต่อเหงือกและฟัน หมายถึงวิธีการแปรงฟันนั้น ต้องไม่ทำให้ฟันสึก
    ไม่กดขนแปรงอย่างรุนแรงจนเหงือกอักเสบ

ดังนั้น วิธีการทำความสะอาดช่องปาก ให้สะอาดอย่างแท้จริง ประกอบด้วย

การแปรงฟันที่ถูกวิธี หมายถึง
        แปรงฟันทั่วทุกซี่ทุกด้าน และเมื่อแปรงแล้วฟันจะต้องสะอาดเรียบและลื่น
        เน้นบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสูงได้แก่ ฟันกราม และฟันด้านลิ้น
        แปรงสีฟัน เลือกให้พอเหมาะกับช่องปากขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่ทำอันตรายกับเหงือกและฟัน ความยาวของขนแปรงคลุมตัวฟัน ประมาณ 1ถึง 1.5 ของซี่ฟัน
        ยาสีฟันที่ใช้ต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะจะช่วยลดสภาวะความเป็นกรดในช่องปากและเสริมสร้างความแข็งแรงของตัวฟัน
    การใช้เส้นใยขัดฟัน
        เพื่อทำความสะอาดซอกฟันซึ่งเป็นบริเวณที่การแปรงฟัน ไม่สามารถทำความสะอาดได้
        เน้นบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคสูงคือ บริเวณฟันกราม ใช้อย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง


 การเลือกใช้อุปกรณ์
     แปรงสีฟัน
    1. ลักษณะขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่มีความคม และมีการสปริงตัวของขนแปรงที่ดี จึงจะช่วยทำความสะอาดฟันได้ดี
    2.  แปรงสีฟันมีขนาดพอเหมาะกับช่องปากความยาวของขนแปรงคลุมตัวฟัน ประมาณ 1-1.5 ของซี่ฟัน
    3. ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันหากขนแปรงหมดสภาพหรือใช้มาแล้ว ๓ เดือน
    4. ด้ามแปรงควรตรงตลอด จะช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง

     ยาสีฟัน
       ยาสีฟันทุกยี่ห้อช่วยในการหล่อลื่นขณะแปรงฟันทำให้แปรงได้สะดวกขึ้น แม้ยาสีฟันบางยี่ห้อจะมีรสชาติ
       ถูกปากแต่หากเกิดอาการแพ้ยาสีฟันนั้น ให้เลิกใช้ทันที (ยาสีฟันที่มีรสเย็นกลิ่นหอมไม่ได้หมายความว่าจะช่วย
       ลดกลิ่นปากได้ดังนั้นจึงควรเลือกยาสีฟันให้เหมาะสม)

สุขภาพปากและฟันที่ดีคืออะไร

   วิธีการแปรงฟัน (ดังรูป)

     1. บีบยาสีฟันจากส่วนท้ายของหลอดปริมาณพอเหมาะไม่มากเกินไป(ประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวของแนวขนแปรง)

     2. ฟันล่างปัดขึ้น ฟันบนปัดลง ฟันกรามปัดเขย่าๆห้ามแปรงไถๆ จะทำให้เหงือกร่น
     3. การแปรงฟันบน หงายแปรงเอียง 45 องศา ขยับแปรงไปมาเล็กน้อย แล้วปัดขนแปรงลงล่างทั้งด้านนอกและด้านในของฟันทุกซี่
     4. การแปรงฟันล่างให้คว่ำแปรงลงเอียง 45องศา ขยับแปรงไปมาเล็กน้อย แล้วปัดขนแปรงขึ้นบนทั้งด้านนอกและด้านในของฟันล่างทุกซี่
     5. แปรงฟันบดเคี้ยววางแปรงสีฟันให้หน้าตัดขนแปรงอยู่บนฟันด้านบดเคี้ยวและถูไปมาทั้งฟันบน และฟันล่าง
     6. บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด

  บุคลิกภาพที่ดีของการมีรอยยิ้มที่มีฟันขาวและแข็งแรง

 ขั้นตอนง่ายๆที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อฟันผุ โรคเหงือก และปัญหาเกี่ยวกับฟันอื่น ๆ

ข้อควรจะปฏิบัติในระยะระหว่างการนัดพบทันตแพทย์
             1. การแปรงฟันอย่างทั่วถึงวันละ 2 ครั้งและใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง
             2. การรับประทานอาหารที่ถูกสัดส่วน และจำกัดอาหารว่างระหว่างมื้อ
             3. การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
             4. การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ ในกรณีที่ทันตแพทย์แนะนำ
             5. การให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีดื่มน้ำที่ผสมฟลูออไรด์หรือให้อาหารเสริมฟลูออไรด์

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ www.dmc.tv

ขอบคุณภาพจากเว็บ https://pixabay.com

แชร์