การประคับประคองให้คงไว้ซึ่งการรักษาศีลให้ครบทั้ง 5 ข้อนั้นไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป หลายคนบอกว่าขอรักษาแค่ศีล 3 ได้มั๊ย ขอเว้นเรื่องศีลข้อ 4 กับ ข้อ 5 เพราะต้องพูดเท็จบ้างเพื่อปลอบใจ หรือยังต้องดื่มบ้างเพื่อเข้าสังคม 

ศีล 5 มีหลักให้ยึดแค่ 5 ข้อ ขาดข้อใดไปก็ไม่นับว่าเป็นศีล 5  ถ้าหากพิจารณาด้วยความเป็นจริง ด้วยการใช้สติจะพบว่า หลักทั้ง 5 ข้อ เกี่ยวพันต่อเนื่องกัน ไม่อาจแยกกันได้ เพราะขาดข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ฉะนั้น เพื่อความสำเร็จในการรักษาศีล 5 ได้ครบ มีเทคนิคอยู่ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้

1.        มีศรัทธาคือไม่เพียงตัวเราเองศรัทธา ต้องแนะนำให้ผู้อื่นทำตามได้ด้วย นั่นคือศรัทธาหรือเชื่อมั่นว่าศีล 5 เป็นคำสอนที่ดีจริง โดยต้องปฏิบัติหรือลงมือทำจริง อาจจะค่อย ๆ ลด ละ เลิกในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย จนกระทั่งหมดสิ้นบริบูรณ์

การศรัทธาด้วยตัวเองและนำผู้อื่นให้ศรัทธาด้วยนั้นเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนเพื่อเตือนกันได้ และลงมือทำไปพร้อม ๆกัน จะได้มีกำลังใจพร้อมกับการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

2.        มีสุขภาพดีด้วยการดูแลรักษาสุขภาพ รู้จักเลือกทานอาหารและน้ำให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายไม่ทานมากไปหรือน้อยไป ให้เหมาะสมควร ด้วยการสังเกตตัวเอง การทานมากไปส่งผลอย่างไร และถ้าทานน้อยไปส่งผลอย่างไร ก็พิจารณาหรือขอคำปรึกษาตามความเหมาะสม คนเรามีสุขภาพดีสบายกายแล้วก็จะสบายใจไปในตัว ทำให้สามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างมีความสุข

3.        เป็นคนจริง ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยาคือยอมรับความจริง และสำรวมกาย วาจา และใจ ให้พูดแต่เรื่องจริง ไม่พูดเล่น หยอกล้อเกินงาม ไม่ขี้โม้ เพราะเพียงแค่นึก ภาพก็เกิดในใจแล้วฉะนั้นให้คิดทำและพูดแต่สิ่งที่ถูกที่ควรเท่านั้น

4.        มีความเพียรคือมีความเข้มแข็ง อดทนอดกลั้น บากบั่นมั่นคง ไม่ละเลยการงานทั้งหลาย ตั้งใจไว้แล้วต้องทำให้ได้

5.        มีปัญญาฉลาดคิดในทุกเรื่อง ใจเขาใจเรา เห็นอกเห็นใจ โดยเฉพาะการพิจารณาเรื่องของชีวิต การให้คำปรึกษา โดยหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ที่สำคัญคือการฝีกใจให้ผ่องใสคือไม่เอาเรื่องเอาราวใครทั้งนั้น ให้กลับมาพิจารณาตนเองเสมอในทุกสถานการณ์

เมื่อน้ำใส เราเห็นทุกอย่างทั้งปูทั้งปลาฯลฯ แต่ถ้าน้ำขุ่นเราก็มองไม่เห็นอะไรเลย  ใจของเราก็เช่นกัน เมื่อใจของเราใส (ผ่องใส) เปรียบเหมือนใจโล่ง ปลอดโปร่ง มีพื้นที่กว้าง พื้นที่ว่างเมื่อมีสิ่งใดเข้าในใจเรา หากเป็นเรื่องทุกข์หรือปัญหา เราก็จะเห็นปัญหาได้ง่ายแล้วเราก็จะแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ตรงประเด็น

การรักษาศีล 5 ก็เช่นกันเมื่อเราได้ทราบถึงปัญหา ตัวอย่าง เช่น ทำไมมีมด มดมาจากไหน อันที่จริงมดตามกลิ่นอาหารมาเพราะเนื่องจากการไม่ล้างถ้วยล้างชามหลังการรับประทานอาหารหรือไม่เก็บกวาดให้สะอาดนั่นเอง เพราะถ้าหากเรารีบทำความสะอาด เราคงไม่ต้องกวาดมด ซึ่งบ้างก็ต้องตายไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือศีลข้อสุดท้ายไม่ดื่ม แม้อ้างว่าต้องเข้าสังคม เพื่อการงานที่ทำ แต่ถ้าลองไตร่ตรองกลับไปว่า ถ้าหากเราขาดสติขาดปัญญาเราจะสามารถแก้ไขปัญหาใดได้บ้าง เป็นต้น

เมื่อเรารู้เทคนิค 5 ข้อนี้แล้ว เร่งปฏิบัติหรือรักษาศีล 5 กันให้ได้อย่างครบถ้วนกัน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  อย่างไรก็ตามเราสามารถนำหลัก 5 ข้อนี้มาปรับใช้กับทุกกิจกรรมเพื่อนำเราไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน เพราะถ้าเราเชื่อมั่นในเรื่องใดสิ่งใดเราจะทำเต็มที่ ตัวเราต้องมีสุขภาพที่ดี เราต้องจริงเท่านั้น ลงมือทำจริง ยอมรับความจริง ว่ากันตามความเป็นจริง โดยต้องอดทนเพียรพยายาม และหมั่นศึกษาหาความรู้ หาสิ่งดี ๆให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำอะไรก็สำเร็จแน่นอน

ขอขอบคุณ : na_diary