ที่พึ่งวันสุดท้ายของชีวิต !!!

คนเราเกิดมาก็ต้องตายเป็นสัจธรรมของชีวิต ว่าแต่ว่าเราได้เตรียมตัวพร้อมตายกันแล้วหรือยัง http://winne.ws/n26674

2.0 พัน ผู้เข้าชม
ที่พึ่งวันสุดท้ายของชีวิต !!!

เมื่อปีที่แล้ว พระท่านถามว่า “คิดถึงความตายแล้วหรือยัง?” หรือไม่ก็ถามว่า“เตรียมตัวตายแล้วหรือยัง?” เราก็งงกับคำถาม ไม่ทันตั้งตัว แต่ผ่านมา 1 ปี เราเข้าใจคำถามเลยว่าทำไมท่านจึงถามเราเช่นนั้น เพราะความตายไม่เลือกเพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรืออายุ และเพราะปีที่ผ่านมา เราได้เห็นคนที่รู้จัก เสียชีวิตไปร่วม 10 คน อายุแค่ 30 กว่าๆ ไม่เกิน 40 ก็ตายหมดซะแล้ว

ย้อนกลับมาดูตัวเองเราโชคดีนะที่ได้โอกาสฟังธรรม ได้รู้ความจริงของชีวิต ได้รู้หลักคำสอน ได้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองที่สำคัญคือ ได้รู้ว่าในวันสุดท้ายของชีวิตนั้น ร่างกายคนเราจะอ่อนแอมาก หลายคนพยายามดึงสติมาสู้กับความเจ็บป่วย แต่ก็พ่ายแพ้เสียส่วนใหญ่ พระท่านสอนว่าก่อนละโลกจะมีภาพประวัติศาสตร์ชีวิตของเรา เป็นบทสรุปงบดุลชีวิตเกิดขึ้นให้ได้ดู เป็นกรรมนิมิต ซึ่งจะไปโยงกับคตินิมิต

กรรมนิมิต คือ ภาพของผลจากการกระทำของเราทั้งหมดที่ผ่านมาตลอดชีวิต

คตินิมิต คือ ภาพทางไป ปรากฏให้ได้เห็น เช่น ถ้าทำดีก็จะเห็น เทวรถ เทพบริวาร มารอรับ เป็นต้น หรือ ถ้าทำไม่ดี ก็จะเห็นเปลวไฟร้อน หรือเห็นเจ้าหน้าที่ยมบาลมารอรับ เป็นต้น

ฉะนั้น เราก็ควรทำแต่สิ่งดี ๆ เอาไว้ เพราะทุกการกระทำของเราจะมาฉายให้เราได้เห็น เหมือนเป็นหนังซีรี่ย์ให้เราได้ดูตัวเองก่อนตาย และถ้าหากเราฝึกใจหยุดนิ่งจนคุ้น เข้าถึงแสงสว่าง ดวงธรรม กายภายใน หรือองค์พระ เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงเราจะมีแต่ภาพดี  ๆ ให้ดู จิตใจเราก็จะผ่องใสด้วยเพราะกรรมนิมิตใสสว่าง ทำให้คตินิมิตสว่างไสวชัดเจน ใจเราจะเบิกบานจนไม่มีความรู้สึกกลัวตาย แต่กลับจะมีแต่อารมณ์แห่งความปีติ ปลื้มใจ แล้วก็มั่นคงอยู่ตรงนั้น อาการภายนอกของร่างกายจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของร่างกาย จะเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่แสดงออก มีแต่ภายในใจที่ เยือกเย็น สงบนิ่ง ตั้งมั่น และมีความสุข  

ที่พึ่งในวันสุดท้ายของชีวิตก็คือตัวเราเอง ไม่มีใครมาช่วยหรือทำแทนเราได้ เราจึงต้องเร่งสร้างความดีและทำใจให้เข้าถึงพระรัตนตรัยให้ได้เพื่อตายอย่างสงบไปสู่สุคติ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตายแล้วไปดี นั่นเอง

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : na_diary & วิชาการ01, 24ธันวาคม พ.ศ. 2549 & dmc.tv

แชร์