รู้จัก..โรคเบาหวาน กันเถอะ
รู้จัก..โรคเบาหวาน กันเถอะ สาเหตุ เกิดจากอะไร โรคแทรกซ้อน รักษาอย่างไร? วิธีป้องกันโรคเบาหวาน ไม่ให้เกิดกับเราและครอบครัว http://winne.ws/n2811
สาเหตุของโรคเบาหวาน
ที่ทราบกันคือกรรมพันธุ์ และปัจจัยอื่นๆ กรรมพันธุ์หมายถึง ถ้ามีพี่น้อง พ่อแม่ (ญาติสายตรง) เป็น ก็จะมีโอกาสหรือความเสี่ยง ในการเกิดโรคเบาหวาน ได้มากกว่าคนที่ไม่มีประวัติครอบครัว แต่ไม่ใช่เป็นหมดทุกคน 100 % และในทางกลับกัน คนที่ไม่มีพ่อแม่พี่น้องเป็น ก็อาจจะเป็นคนแรกเลยก็ได้ คือ ถือเป็นต้นตระกูลเบาหวานก็ได้ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็สำคัญ เช่น ความอ้วน ขาดการออกกำลังกาย กินอาหารแป้ง, น้ำตาลมากเกินไป ส่วนสาเหตุหนึ่งที่พบคือ เบาหวานจากการตั้งครรภ์, เบาหวานจากยา เช่น ยาสเตียรอยด์ ที่ชอบใช้แบบผิด ๆ รักษา โรคปวดข้อ, ปวดกระดูก, ตับอ่อนอักเสบ โดยเฉพาะที่ชอบดื่มเหล้ามาก ๆ จนเป็นตับอ่อนอักเสบ สุดท้ายก็เบาหวาน จากการขาดสารอาหาร (ทุพโภชนาการ)
อาการของคนที่เป็นโรคเบาหวานเกิดจากการที่น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด หิวเก่ง อ่อนเพลีย
อาการของโรคเบาหวาน
คนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือด 70-110 มก.% หลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชม.ระดับน้ำตาลไม่เกิน 140 มก.% ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงไม่มากอาจจะไม่มีอาการอะไร การวินิจฉัยโรคเบาหวานจะทำได้โดยการเจาะเลือดอาการที่พบได้บ่อย
- 1. คนปกติมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางดึก หรือปัสสาวะอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้น้ำถูกขับออกมากขึ้น จึงมีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม
- 2. ผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ
- อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาล จึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมา
- 3. ผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่ง แต่น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อ
- 4. อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คัน
- เห็นภาพไม่ชัด ตาพร่ามัวต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายตา เช่นสายตาสั้น ต่อกระจก น้ำตาลในเลือดสูง
- 5. ชาไม่มีความรู้สึก เจ็บตามแขนขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากน้ำตาลสูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อม เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึก
- 6. อาเจียน
น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเมื่อเป็นโรคนี้ระยะหนึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดกับหลอดเลือดเล็กเรียก microvacular หากมีโรคแทรกซ้อนนี้จะทำให้เกิดโรคไต เบาหวานเข้าตา หากเกิดหลอดเลือดเลือดแดงใหญ่แข็งเรียก macrovascular โดยจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพาต หลอดเลือดแดงที่ขาตีบนอกจากนั้นยังอาจจะเกิดปลายประสาทอักเสบ neuropathic ทำให้เกิดอาการชาขา กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ชนิดของโรคเบาหวาน แบ่งเบาหวานเป็น 4 กลุ่ม
โรคเบาหวานเป็นกลุ่มของโรคซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดปกติของการสร้าง หรือการออกฤทธิ์ หรืออาจจะเกิดจากกลไกทั้งสอง ผลจากการที่น้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็งและมีการทำลาย ไต สมอง หัวใจ ระดับน้ำตาลเมื่อเป็นใหม่ๆจะไม่สูงแต่เมื่อเวลาผ่านไประดับน้ำตาลจะสูงขึ้น ชนิดของโรคเบาหวาน
- 1. เบาหวานชนิดที่หนึ่ง [Type 1 diabetes,immune-mediated ] หรือที่เคยเรียกว่า Insulin-dependent diabetes ผู้ป่วยมักจะเกิดอาการก่อนอายุ 30 ปี ด้วยอาการหิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด เกิด ketosis ได้ง่าย เกิดจากมีการทำลายของ ß-cell ทำให้มีการหลั่งอินซูลินน้อยลง
- immune-mediated เป็นโรคเบาหวานชนิดที่1เกิดจากมีการทำลายของตับอ่อนเนื่องจากมีภูมิคุ้ม antibody กันต่อ beta-cell ของตับอ่อน นอกจากนั้นยังพบมี antibody ต่อ insulin ผ๔้ป่วยจะไม่มีการสร้าง insulin หรืออาจจะมีแต่น้อยมาก ความรุนแรงของโรคในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน บางคนเป็นมากและเร็ว นอกจากนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังเสียงต่อการเกิดโรคแพ้ภูมิต่างๆ เช่น Graves' disease, Hashimoto's thyroiditis, Addison's disease, vitiligo, celiac sprue, autoimmune hepatitis, myasthenia gravis, and pernicious anemia
- Idiopathic diabetes เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่เจาะเลือดไม่พบ antibody ต่อเซลล์ของตับอ่อน
- 2. เบาหวานชนิดที่สอง [Type 2 diabetes,noinsulin dependent] เกิดจากที่ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) ความสำคัญของโรคเบาหวานชนิดนี้ คือคนอาจจะเป็นโรคเบาหวานโดยที่ไม่เกิดอาการอะไร เมื่อผู้ป่วยมีอาการของโรคเบาหวานมักจะมีโรคแทรกซ้อน แล้วร้อยละ 50 จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน จะต้องตรวจเลือดแม้ว่าจะยังไม่มีอาการของโรคเบาหวาน ผู้ป่วยมักจะมีอายุมากกว่า 30 ปีมักจะวินิจฉัยโดยการเจาะเลือดตรวจร่างกายโดยไม่มีอาการ ผู้ป่วยมักจะอ้วนโรคจะค่อยๆดำเนินจนเกิดโรคแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีระดับอินซูลินปกติหรือสูง
- สาเหตุที่เป็นเบาหวานเพราะมีภาวะต้านต่ออินซูลิน insulin resistance การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย จะช่วยในการควบคุมโรคเบาหวาน
- เบาหวานชนิดอื่นๆตามสาเหตุ เช่น พันธุกรรมเนื่องจากการทำงานของ beta cell,การออกฤทธิ์ของอินซูลิน หรือจากการติดเชื้อ จากยาเป็นต้น เนื่องจากพบไม่บ่อยจึงไม่ขอกล่าวในที่นี้
- 3. เบาหวานในคนตั้งครรภ์ [ Gestation diabetes] เบาหวานที่เป็นขณะตั้งครรภ์
- น้ำตาลของคนปกติจะน้อยกว่า 100 มก%
- ค่าน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติแต่ยังไม่ถึงระดับที่จะวินิจฉัยว่าจะเป็นเบาหวาน [100-126 mg%] เรียก Prediabetes ผู้ป่วยกลุ่มนี้มี อัตราเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานสูงส่วน
- 4. ผู้ที่มีระดับน้ำตาลเกิน 126 มก%ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
ส่วนการตรวจความทนทานต่อเบาหวาน Glucose tolerance test
- IGT เป็นการทดสอบโดยให้รับประทานน้ำตาล 75 กรับแล้วตรวจหาระดับน้ำตาลหลังรับประทานน้ำตาลไปแล้ว 2 ชั่วโมงอยู่ในช่วง 140 - 200 ม.ก.%
- คนที่ปกติระดับน้ำตาลจะน้อยกว่า 140 มิลิกรัม
- ค่าอยู่ระหว่าง 140-199 มิลิกรัมเรียก impaired glucose tolerance test เป็นภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
- Prediabetes ผู้ที่ระดับน้ำตาลมากกว่า 200 มิลิกรัม% ถือว่าเป็นโรคเบาหวาน
หลักการคุมโรคเบาหวาน
เนื้อหาจะบอกเป้าประสงค์ของการคุมเบาหวาน ท่านจะทราบจากบทความนี้ว่าการคุมเบาหวานที่ดี ไม่เพียงแค่ระคับน้ำตาลเท่านั้นแต่ยังประกอบด้วย การควบคุมอาหารจะต้องคุมอะไรบ้าง ปริมาณอาหารที่ต้องการในแต่ละวัน การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยเบาหวานต้องออกแบบใด ค่าความดันโลหิตและค่าไขมันที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าใด ค่าน้ำตาลเฉลี่ยบอกอะไรแก่เรา
โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูงมักจะพบร่วมกัน ทั้งสามโรคเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบ การรักษาโรคความดันสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานนอกจากจะลดความดันโลหิตแล้ว ยังต้องการลดโรคแทรกซ้อนด้วย
ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีไข้มัน Cholesterol และ Triglyceride สูง แต่มี HDL ต่ำซึ่งจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง การรักษาจะต้องดูแลเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยา
โรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่พบร่วมกับโรคเบาหวาน การได้รับแอสไพรินจะลดการเกิดโรคดังกล่าว
โรคหัวใจและหลอดเลือด
เนื่องจากโรคเบาหวานมักจะพบร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด อ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การป้องกันจะลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิต โดยใช้หลักการง่ายๆ
โรคแทรกซ้อนที่ขา
เนื่องจากโรคเบาหวานมักจะพบร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด อ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบ หากสูบบุหรี่ก็ทำให้ตีบเร็ว นอกจากนั้นโรคเบาหวานยังทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดแผลได้ง่าย
โรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงพบได้ประมาณสองในสามของผู้ป่วยเบาหวาน แนวทางการรักษาจะคุมความดันโลหิตมิให้เกิน 130/80 มม.ปรอท ในการควบคุมความดันโลหิต
โรคแทรกซ้อนที่ผิวหนัง
การที่ผิวหนังขาดน้ำ เส้นปลายประสาทอักเสบ เหงื่อออกน้อนทำให้เกิด ผิวแห้ง การติดเชื้อ
โรคตา
ตาก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่เกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โรคแทรกซ้อนที่พบคือ ต้อกระจก ต้อหิน เบาหวานขึ้นจอประสาทตา เลือกออกวุ้นต้ จอประสาทตาลอก หากวินิจฉัยช้าอาจจะทำให้ตาบอด
โรคแทรกซ้อนทางไต
เป็นโรคแทรกซ้อนที่ผู้ที่เป็นเบาหวานกลัวที่สุด เป็นแรกๆจะไม่มีอาการ หากมีอาการแล้วมักจะรักาาไม่หาย การดูแลเพื่อป้องกันโรคเบาหวานจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
โรคแทรกซ้อนฉุกเฉิน
ส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือสูง และน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับภาวะเลือดเป็นกรด
โรคแทรกเกี่ยวกับระบบประสาท
เส้นประสาทที่ยาวจะเกิดการอักเสบได้บ่อย ดังนั้นจึงจะพบว่าเกิดปลายประสาทอักเสบที่เท้าได้บ่อย และยังมีการเสื่อมของประสาทอัตโนมัติ
ที่มา:http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/complication3.html