เลิกคิดตีเด็กได้แล้ว!!!
เด็กที่ถูกตีมีแนวโน้มจะเชื่อฟังมากขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นเพียงระยะสั้น ระยะยาวเด็กจะยิ่งดื้อแพ่งมากขึ้นกว่าเพื่อนในระดับเดียวกันที่ไม่ถูกตี ลงโทษด้วยวิธีอื่นไม่ดีกว่าหรือ http://winne.ws/n3623
ผ่านพ้นวันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญมาสัปดาห์เศษ อีกสองวันคือวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
ปกติวันพืชมงคลมักมีฝนตกลงมามากบ้างน้อยบ้าง แต่ปีนี้ไม่มีฝนตกลงมาสักแปะ อากาศยังร้อนอบอ้าว ไม่ทราบว่าถึงวันวิสาขบูชา จะมีฝนตกลงมาบ้างไหม ด้วยย่างเข้าสู่ต้นฤดูฝนแล้ว
โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ระบบการเรียนการสอนปีนี้น่าจะปรับเปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ เพราะอุปกรณ์การเรียนการสอนไม่ได้มีอยู่เฉพาะในแบบเรียน ยังมีอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ที่นักเรียนสามารถเสาะหาความรู้ได้เอง
เรื่องของวิธีการเรียนการสอนว่ากันมานานหลายปีแล้ว แม้หลายโรงเรียนจะปรับเปลี่ยนวิธีการไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังปฏิบัติเช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมา ทั้งที่ครูรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบการเรียนการสอนมาหลายปีแล้วเช่นกัน
คือครูรวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองยังลงโทษนักเรียนและบุตรหลานของตนด้วยการตี
ข้าพเจ้า(ผู้เขียน)บอกกล่าวมานานนมกาเลแล้วว่า “อย่าตีเด็ก”
วันนี้มีงานวิจัยออกมายืนยันอีกครั้ง โดยรองศาสตราจารย์เอลิซาเบธ เกอร์ชอฟฟ์ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ครอบครัวและพัฒนาการมนุษย์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส ร่วมกับรองศาสตราจารย์แอนดรูว์ โกรแกน-เคย์เลอร์ สำนักจิตวิทยาสังคม มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
จากการประมวลและวิเคราะห์ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “ยิ่งตีลูกยิ่งดื้อ” ในช่วง 50 ปี ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กกว่า 160,000 คน พบว่า การตีลูกไม่เพียงไม่ส่งผลให้ลูกเชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและจิตใจของเด็กในระยะยาวด้วย
ผลการวิจัยแจ้งว่า การตีเด็กด้วยมือก่อให้เกิดผลลบ 13 อย่างจากจำนวน 17 อย่าง ที่น่าสังเกตเป็นพิเศษ เด็กที่ถูกตีมีแนวโน้มกลายเป็นคนมีปัญหาด้านสุขภาพจิต มีลักษณะต่อต้านสังคมมากขึ้น
ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับผลงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่า การตีเด็กส่งผลเชื่อมโยงไปถึงการที่เด็กรายหนึ่งมีระดับไอคิวต่ำ ระดับความก้าวร้าวสูง หดหู่ ซึมเศร้า กระวนกระวายและหวาดระแวง
ขณะที่ผลการศึกษาบางชิ้นจะแสดงให้เห็นว่า เด็กที่ถูกตีมีแนวโน้มจะเชื่อฟังมากขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นเพียงระยะสั้น ระยะยาวเด็กจะยิ่งดื้อแพ่งมากขึ้นกว่าเพื่อนในระดับเดียวกันที่ไม่ถูกตี
แม้การตีเด็กจะเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานแล้ว แต่ข้อมูลการสำรวจล่าสุด อาทิ การสำรวจในสหรัฐอเมริกาเองของพิวรีเสิร์ชเซ็นเตอร์ เมื่อเดือนธันวาคม 2015 พบว่า 76% ของพ่อ กับ 65% ของแม่ชาวอเมริกัน ยังเชื่อว่าจำเป็นต้องตีลูกให้หนักๆ บ้างเป็นบางครั้ง
จากการสำรวจขององค์การยูนิเซฟเมื่อปี 2014 พบว่าพ่อแม่ 80% ยังใช้วิธีลงโทษลูกด้วยการตี
แล้วรู้ไหมว่าทำไมไม่ให้ “ตี” ไม่รู้หรือว่าเด็กเจ็บ แต่ไม่จำ สู้ลงโทษด้วยวิธีอื่นไม่ดีกว่าหรือ
วันก่อนมีการเผยแพร่ข้อความของ VIP-Groups.com ใน “ไลน์” เกี่ยวกับเด็ก ขอนำมาเสนอต่อ
“หากลูกของคุณโกหกบ่อย อาจเป็นเพราะคุณลงโทษเขามากเกินไป
หากลูกของคุณขาดความมั่นใจในตัวเอง อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยให้กำลังใจเขา
หากลูกของคุณชอบลักขโมย อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยสอนเขาให้รู้จักคำว่า “ให้”
หากลูกของคุณขี้ขลาด อาจเป็นเพราะคุณคอยแต่ปกป้องเขา
หากลูกของคุณโกรธง่ายตลอดเวลา อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยชื่นชมเขาเลย
หากลูกของคุณเป็นคนงก ตระหนี่ อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยแบ่งปันอะไรให้เขา
หากลูกของคุณอันธพาลชอบรังแกคนอื่น อาจเป็นเพราะคุณแสดงความรุนแรงก้าวร้าวให้เขาเห็น
หากลูกของคุณขี้อิจฉา อาจเป็นเพราะคุณเพิกเฉยไม่เอาใจใส่เขา
หากลูกของคุณมักสร้างความรำคาญใจต่อคุณ อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยกอด ไม่เคยหอมเขา
ก่อนที่คุณจะทำอะไรกับลูก ลองหยุดคิดสักนิด แล้วทำอย่างมีสติ อ่านแล้วอย่าลืมแชร์ต่อนะคะ”