5 วิธีคลายร้อน!!ให้ได้ผล
อากาศช่วงนี้จะมีทั้งฝนตก สลับความร้อน ถึงเวลาร้อนก็ร้อนมากจริงๆ แล้วจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรดีถ้ามันร้อนมาก ไปดู 5 วิธีคลายร้อนกันดีกว่า http://winne.ws/n7237
1.พยายามทำตัวให้ตัวเองรู้สึกเย็นเข้าไว้
วิธีการนี้เป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้วในการคลายความร้อนออกจากร่างกายคุณ เพียงแค่คุณหาอะไรเย็นๆ มากิน (จะเป็น น้ำเย็น, น้ำหวาน หรือ ไอศกรีมก็ได้) วิธีการนี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณไม่เกิดอาการขาดน้ำและรักษาอุณภูมิในร่างกายของคุณไม่ให้สูงจนเกินไป (ผ่านกระบวนการผลิตเหงื่อซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถต้านทานความร้อนได้ดียิ่งขึ้น)
2.แช่เย็นผ้าปูที่นอน
อีกวิธีการหนึ่งที่ดูแปลกแต่สามารถช่วยคลายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการนำเอาผ้าปูที่นอนไปแช่เย็นซะ ทิ้งไว้ประมาณไม่กี่ชั่วโมง (2-3 ชั่วโมง) จากนั้นจึงค่อยนำเอามันออกจากตู้เย็นซะ เทคนิคนี้จะช่วยให้ความเย็นลงไปในเนื้อผ้าและช่วยให้ความเย็นสามารถถ่ายทอดผ่านไปได้อย่างทั่วถึงตลอดจนทั่วร่างกาย
3.วิธีพื้นบ้าน
วิธีพื้นบ้านคืออะไร คำตอบก็คือการใช้พัดลมในการช่วยให้ความเย็นกับร่างกายของคุณแต่จะใช้พัดลมแบบธรรมดาก็ดูกระไรๆ อยู่ แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะ เทคนิคง่ายๆ เลยครับเพียงแค่นำเอาน้ำแข็งมาวางไว้หน้าพัดลมแล้วปล่อยให้มันพาเอาไอจากน้ำแข็งมาโดนตัวเรา วิธีการนี้จะช่วยให้ความเย็นได้ราวกับเปิดแอร์เลยทีเดียวล่ะครับ
4.สังเกตประตูกับหน้าต่างดีๆ
หน้าต่างและประตูบ้านคุณถือได้ว่าค่อนข้างจะมีส่วนสำคัญในการทำให้บ้านของคุณมีอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป การติดตั้งมุ้งลวดเอาไว้ที่หน้าต่างและประตูจะช่วยให้ความเย็นสามารถถ่ายทอดได้อย่างสะดวกภายในบ้านของคุณได้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นในช่วงหน้าร้อนหรือหน้าฝน และที่สำคัญที่สุดก็คือพยายามอย่านำเอาอะไรไปวางขวางไว้ตรงเส้นทางลมเพราะนั่นอาจจะทำให้บ้านของคุณลดความเย็นลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
5.ปิดไฟเพิ่มความเย็น
เชื่อหรือไม่ว่านอกจากไฟจะช่วยให้ความสว่างแล้วมันยังมีรังศีความร้อนซ่อนเอาไว้อยู่ด้วยถึง 90 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นหากคุณอยากให้บ้านเย็นมากขึ้นทางที่ดีที่สุดก็คือปิดไฟบางดวงที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทิ้งไปซะ นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้วยังช่วยให้บ้านของคุณเย็นขึ้นกว่าเดิมด้วย
ทั้ง 5 วิธี หากเรานำมาปฏิบัติก็จะช่วยลดบรรยากาศร้อนๆ แบบสุดขีดของประเทศไทยไปได้บ้าง อยากให้นำไปทดลองใช้กันดู
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://daily.rabbit.co.th/5วิธีคลายร้อน
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : www.google.com