พุงมาจากไหน

Tags :

อาหารที่เรารับประทานแต่ละประเภทส่งผลต่อการสะสมของไขมันในแต่ละส่วนที่ต่างกันไป ทั้งนี้ มีอาหาร 3 ประเภทหลัก ที่ส่งเสริมการสะสมของไขมันให้ไปรวมอยู่ที่พุง

ประเภทที่1 น้ำเชื่อม หรือที่มีชื่อว่า High-FructoseCorn Syrup (HFCS) สารให้ความหวาน พบมากในน้ำอัดลม น้ำหวาน คุ้กกี้ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ

ประเภทที่2 ไขมันตัวร้าย หรือไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันสังเคราะห์ที่ใช้กันมากในอุตสาหกรรมอาหารเช่น เค้ก มาร์การีน แครกแกอร์ อาหารทอด อาหารแช่แข็ง ฯลฯ

ประเภทที่ 3 เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ วิสกี้ วอดก้า ค็อกเทล ฯลฯจะส่งผลให้ไขมันไปสะสมบริเวณช่องท้องได้มากเป็นพิเศษ

ที่มา : จดหมายข่าวชุมชนรักสุขภาพฉบับสร้างสุข ปีที่10 ฉบับที่155

และ thaihealth.or.th/blog/myblog/topic/788/Aonny Piyawan/1246/สุขภาพ/6411/“พุง” มาจากไหน/

ที่มา : จดหมายข่าวชุมชนรักสุขภาพฉบับสร้างสุข ปีที่10 ฉบับที่155

1. พุงเป็นชั้น (TheSpare Tire)

วิธีลดพุง

1. พุงเป็นชั้น (TheSpare Tire)

พุงเป็นชั้น หรือ สแปร์ ไทร์ แบบนี้มักจะมีอยู่ในกลุ่มคนทำงานที่ต้องนั่งทำงานตลอดวันและรับประทานของหวานมากเกินไป หากปล่อยไว้ก็อาจทำให้มีไขมันส่วนเกินสะสมที่ขาและสะโพกได้ สาเหตุเกิดจากการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตจากแป้งขาวมากเกินไปนั่นเอง (เช่นบิสกิต ขนมปังขาว พาสต้า ขนมเค้กข้าว และขนมหวาน) แต่พุงเป็นชั้น (TheSpare Tire)นี้เป็นประเภทที่ลดได้ง่ายที่สุดค่ะ

วิธีลดพุงแบบสแปร์ ไทร์ (พุงเป็นชั้น)

– หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นตัวเพิ่มไขมันหน้าท้อง น้ำตาลบริสุทธิ์จากแอลกอฮอล์จะเข้าไปหยุดระบบการเผาผลาญไขมันทุกชนิดทำให้ไขมันไปสะสมและกลายเป็นพุง

– เปลี่ยนพฤติกรรมการกินหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เลิกกินอาหารจำพวกแป้ง อย่างขนมขบเคี้ยวต่างๆเพราะมันเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต น้ำมัน น้ำตาล เกลือ และสารกันบูดซึ่งไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย และหลีกเลี่ยงน้ำตาลที่ผ่านการขัดสี เกลือ หรืออาหารที่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ

– เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่น ไข่ แซลมอนรมควัน ไก่ย่าง และผัก และอย่าลืมที่จะรับประทานอาหารที่มีไขมันดีเช่น โอเมก้า 3 หรือ ไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ อะโวคาโดถั่วเปลืองแข็ง น้ำมันตับปลา อาหารเหล่านี้จะช่วยเผาผลาญไขมันช่วงท้องทำให้หน้าท้องแบนราบได้ค่ะและหลีกเลี่ยงอาหารทอดหรือผัดที่ต้องใช้น้ำมันเยอะๆไว้ค่ะ

– ออกกำลังด้วยการเดินเร็วเล่นโยคะ ท่าแยกแขนขา ท่าสควอช หรือท่ากระชับท้องแขนก็สามารถวิธีลดพุงชนิดนี้ได้โดยไม่ต้องเข้าฟิตเนสเลยละค่ะ

2. พุงเครียด (TheStress Tummy)

วิธีลดพุง

2. พุงเครียด (TheStress Tummy)

มักมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับปัญหาในระบบทางเดินอาหารเช่น ภาวะลำไส้แปรปรวน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องอืดและทำให้ท้องของคุณดูใหญ่ขึ้น เราสามารถตรวจเช็คได้ว่าพุงเป็นประเภทนี้หรือไม่ด้วยการจับบริเวณด้านหน้าของกระบังลมและบริเวณสะดือ ถ้าหากรู้สึกแข็งๆละก็…ใช่เลยค่ะเมื่อยิ่งเครียดร่างกายก็จะผลิตคอร์ติซอล (cortisol) ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายผลิตไขมันขึ้นที่บริเวณหน้าท้องคนที่มีนิสัยชอบกินอาหารไม่ตรงตามเวลา กินบางมื้อ ข้ามบางมื้อ ชอบทานเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน และทานอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำก็จะทำให้ไตทำงานผิดปกติอีกด้วยล่ะค่ะทางที่ดีควรทานอาหารให้ครบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า และหยุดการดื่มคาแฟอีนมากเกินไปรวมทั้งเลิกทานอาหารฟาสต์ฟู้ดจะดีที่สุดค่ะ

วิธีลดพุงแบบสเทรสทัมมี่ (พุงเครียด)

– เปลี่ยนนิสัยในการนอนโดยนอนให้เร็วขึ้น ทำใจให้สบาย แล้วนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอนั้นก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดพุงชนิดนี้ได้การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างฮอร์โมนที่เกี่ยวกับควบคุมความอยาก อาหารและระบบเผาผลาญอาหารได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

– ลดความเครียดด้วยการฝึกหายใจลึกๆทำสมาธิ หรือการอาบน้ำนานๆก่อนเข้านอน ไปพักผ่อนเข้าสปา ก็จะทำให้คุณหลับสบายมากขึ้นนอกจากนี้ควรลดกาแฟให้เหลือเพียงวันละ 2 แก้วเท่านั้นพอค่ะ

– ฝึกโยคะ เดินไกลหรือกีฬาที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ จะช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้นและให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอซึ่งจะทำให้ฮอร์โมนความเครียด เพิ่มมากขึ้นค่ะ

– รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง จำพวกผักสีเขียวเข้มและถั่วบราซิลเพราะแมกนีเซียมจะช่วยบรรเทาความเครียดของร่างกายได้ค่ะ

3. พุงป่องช่วงล่าง (TheLittle Pooch)

วิธีลดพุง

3. พุงป่องช่วงล่าง (TheLittle Pooch)

พุงลักษณะนี้มักจะเกิดในผู้หญิงที่ยุ่งตลอดเวลาอาจเป็นเพราะต้องทำงานอยู่ตลอด อาจจะเป็นคนที่ชอบหรือเสพติดการออกกำลังกายท่าซ้ำๆแบบเดิมๆติดอยู่กับการรับประทานอาหารเดิมๆ ทำให้คุณดูผอม แต่กลับมีพุงลักษณะนี้ยื่นออกมา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายด้วยวิธีการซิทอัพหรือการใช้เครื่องออกกำลังกายแบบ ab-rollersซึ่งมันจะไปสร้างแรงดันที่บริเวณกล้ามเนื้อสะโพกและบริเวณหลังช่วงล่างทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องของคุณยื่นออกมาเป็นพุงนั่นเองค่ะ

วิธีลดพุงแบบลิตเติ้ลพุช (พุงป่องช่วงล่าง)

– เลือกรับประทานที่มีกากใยมากๆอย่างผักใบเขียวและธัญพืชให้มากขึ้น จะสามารถช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้นได้ และสามารถลดอาการบวดอืดของหน้าท้อง

– ถ้าคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายด้วยการซิทอัพเป็นประจำควรตรวจเช็คดูว่าทำท่าถูกต้องแล้วหรือยัง เพราะการซิทอัพด้วยท่าทางผิดๆ ทำให้เกิดพุงเกิดและอาการปวดหลังได้ลองเปลี่ยนจากการซิทอัพ เป็นท่าแพลงกิ้ง วิดพื้น เพื่อออกกำลังกายช่วงแขน บ่า ไหล่บ้าง

– สาวๆหลายคนเชื่อว่าการยกน้ำหนักจะทำให้พุงแบบนี้ใหญ่ขึ้นนั่นเป็นความคิดที่ผิดนะคะ การยกเวทจะช่วยเบิร์นไขมันให้เรามากขึ้นภายในเวลาสั้นๆ ดังนั้นระหว่างที่ออกกำลังกายด้วยท่าลันจ์หรือท่าสควอชก็ควรยกเวทควบคู่ไปด้วย และควรเปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายแบบเซต สลับกันไปในแต่ละท่าให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกกำลังกายหมด

– ดื่มน้ำเยอะๆและการรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายเช่น ผักสีเขียว ปลา เนื้อไก่ก็สามารถช่วยลดพุงประเภทนี้ได้เช่นกัน

4. พุงคุณแม่ (TheMummy Tummy)

วิธีลดพุง

4. พุงคุณแม่ (TheMummy Tummy)

มัมมีทัมมี่ลักษณะนี้มักจะเกิดกับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูกไม่นานและคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ซึ่งโดยปกติแล้วหลังจากคลอดอย่างต่ำประมาณ 6 สัปดาห์มดลูกจะลดขนาดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ(มดลูกเข้าอู่) คุณแม่ทั้งหลายไม่ควรรีบร้อนที่จะทำให้หน้าท้องกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยการโหมออกกำลังกายหนักๆนะคะ ตอนนี้ให้เอาเวลาไปสนใจลูกน้อยที่เพิ่งคลอดดีกว่า จะได้ไม่เครียดจนเกินไปค่ะ

วิธีลดพุงแบบมัมมีทัมมี่ (พุงคุณแม่)

– ให้ลองทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันตับปลาเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเผาพลาญไขมันและลดการทำงานของฮอร์โมนที่เก็บสะสมไขมัน โดยรับประทานน้ำมันตับปลาชนิดแคปซูล1,000 มิลลิกรัม จำนวน 3 เม็ดทุกวันระหว่างรับประทานอาหาร

– เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันชนิดดีประโยชน์เช่น ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันมะกอกเป็นประจำทุกวัน ไขมันชนิดนี้จะช่วยเผาผลาญไขมันและเพิ่มการดูดซึมสารอาหารและวิตามินทำให้ลดความอ่อนเพลียได้สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่มักมีอาการอ่อนเพลีย

– ลองออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานเบาๆวิธีลดพุงนี้ จะช่วยทำให้พุงของคุณยุบลงได้ค่ะ โดยการกดบริเวณกล้ามเนื้อเชิงกรานหรือขมิบกล้ามเนื้อเชิงกรานอย่างน้อยวันละ15 – 20 ครั้ง วันละ 5 รอบและหลีกเลี่ยงการซิทอัพ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลังคลอดไม่ควรทำอย่างยิ่ง

– งีบหลับพักผ่อนระหว่างวันก็สามารถช่วยได้และควรจะยืดเส้นยืดสายสักนิดก่อนจะนอน เพื่อทำให้ฮอร์โมนในการนอนหลับทำงานได้ดีขึ้นและช่วยทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้นอีกด้วย

5. พุงป่อง (TheBloated Tummy)

วิธีลดพุง

5. พุงป่อง (TheBloated Tummy)

พุงลักษณะนี้มักจะแบนราบในตอนเช้าบวมอืดในตอนกลางวัน และเกิดแก๊สในท้องทำให้พุงป่องในตอนเย็น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากแก๊สที่มาจากอาหารไม่ย่อยการแพ้อาหาร ลำไส้ทำงานไม่เต็มที่ มาจากการรับประทานอาหารไม่ดีและเกิดจากการกินอาหาร แบบนี้เป็นประจำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเราแพ้อาหารชนิดนั้นๆ (อาหารส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้ คือพาสต้า ขนมปัง พิซซ่า เค้ก แอลกอฮอล์ นม เนย ชีส หรือแม้แต่โปรตีนจากข้าวอย่างกลูเตน ก็ทำให้หน้าท้องบวมขึ้นมาจนเป็นปัญหาหน้าท้องใหญ่ค่ะ)

วิธีลดพุงแบบโบลทด์ทัมมี่ (พุงป่อง)

– หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากข้าวสาลีโปรตีนกลูเตน และผลิตภัณฑ์จากนม รวมทั้งยีสต์ที่อยู่ในขนมปัง เพราะโปรตีนกลูเตนนั้นจะทำให้ท้องของคุณดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

– ลองลดอาหารน่าสงสัยที่กินอยู่ทุกวันแล้วคอยสังเกตดูว่าหน้าท้องยังมีอาการอืดอยู่หรือไม่ และเพิ่มการรับประทานอาหารจำพวกพืชผักและรับประทานโปรตีนจากปลาหรือเนื้อไก่แทน

– รับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอและกินให้มากกว่าอาหารมื้ออื่นๆเพราะในช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่กระบวนการย่อยของคุณทำงานได้ดีที่สุด หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารตอนดึกเพราะจะทำให้เกิดอาการท้องอืด เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณดีขึ้น

– ฝึกการหายใจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยทำให้พุงแบบนี้ยุบได้โดยหายใจลึกๆเข้าไปในท้อง 10 ครั้ง และควรจะออกเดินหลังจากทานอาหารอิ่มแล้วทุกมื้อด้วยค่ะเพื่อช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น

– ลองรับประทานอาหารจำพวกกระเทียมหัวหอม กะหล่ำปลี หรือผักเคลให้มากขึ้น

และนี่ก็คือวิธีลดพุงที่ เรานำมาฝากเพื่อนค่ะลดพุงไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราตั้งใจและมีวินัยกับตัวเองไม่ว่าปัญหาพุงลักษณะไหน ก็สามารถลดให้มีหน้าท้องที่แบนราบได้ค่ะ

ขอขอบคุณที่มา hehii.com/เคล็ดลับวิธีดูแลผิวพรร/วิธีลดพุง-แบบง่ายๆหลากห/

ภาพประกอบ www.fitnessmagazine.com