จ้องคอม จ้องมือถือ ทั้งวัน รู้ไหมว่าทำร้ายสุขภาพตาแค่ไหน?
วิธีดูแลสุขภาพตา และถนอมสายตา http://winne.ws/n7505
ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนเราอย่างแยกออกจากกันไม่ได้ลองสังเกตดูว่าในหนึ่งวัน คนเราใช้สายตาจ้องจอสมาร์ทโฟน จอคอมพิวเตอร์บางทีอาจจะมากกว่าเวลาที่เราใช้มองสิ่งแวดล้อมรอบกายเสียอีก ในแต่ละวันเราใช้งานสายตาอย่างหนักหน่วงจนเกิดอาการ “ล้า” หรือ “ปวดตา” ซึ่งเป็นสัญญาณร้ายที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพตาอย่างที่เราคาดไม่ถึงอาทิ ปัญหาสายตาสั้น - ยาวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วปวดหัวเพราะตาเชื่อมกับสมองโดยตรงใช้ตามากก็ใช้สมองประมวลผลสิ่งที่เห็นมากเป็นเงาตามตัว เพราะตื่นมาอย่างแรกเราก็ต้องใช้สายตา จนกระทั่งกลับเข้านอน ตาก็เป็นอวัยวะสุดท้ายที่จะบอกกับเราว่า‘วันนี้หมดไปอีกหนึ่งวันแล้วนะ’ 6 – 8 ชั่วโมงนั่นจึงถือเป็นเวลาพักผ่อนของสายตาอีก 16 – 18 ชั่วโมงที่เราใช้งานสายตากันแบบไม่ได้พักอีกครั้งเป็นอย่างนี้ไปจนเราหมดอายุขัย คิดดูว่าคนเราใช้สายตากันหนักขนาดไหน หันมาให้ความสำคัญกับการดูแล“ตา” กันซักหน่อย เพื่อให้ใช้งานได้ในระยะยาวและอยู่กับเราได้อีกนาน
แพทย์หญิงอุษณีย์ เหรียญประยูร จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสายตาศูนย์เลเซอร์สายตาจุฬา ฝ่ายจักษุวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อธิบายว่า “ในปัจจุบันมีประชากรที่มีปัญหาจากการใช้สายตาจ้องจอนานเกินไปประมาณ 60 ล้านคนทั่วโลกและพบปัญหานี้ได้ร้อยละ 75-90 ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดเนื่องจากปัจจุบันประชาชนนิยมการใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนมากขึ้นทั้งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและความบันเทิงทำให้จักษุแพทย์ตรวจพบปัญหาสุขภาพสายตาที่เกิดจากการใช้สายตาจ้องจอเป็นเวลานานได้บ่อยขึ้นและพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศทุกช่วงอายุ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) หรือ ซีวีเอส (CVS) คือกลุ่มอาการทางตาที่สัมพันธ์กับการใช้คอมพิวเตอร์และการใช้สายตามองจอระยะใกล้เป็นระยะเวลานานอาการประกอบด้วยปวดศีรษะ ตาแห้ง เคืองตา เมื่อยล้าตา มองภาพไม่ชัด ตาแดง น้ำตาไหล เห็นภาพซ้อนความสามารถในการปรับโฟกัสช้าลง และการมองเห็นสีเปลี่ยนไปอาการดังกล่าวมักจะเริ่มเมื่อผู้ป่วยใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลาสองถึงสามชั่วโมงและจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่หยุดหรือพักการใช้สายตา”
การจ้องจอนานเกินไปเสี่ยงเป็น คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม
“เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพสายตาที่เกิดจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรทำดังนี้
1. ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก20 นาที ด้วยการมองไปที่ไกลจากคอมพิวเตอร์ 20 ฟุต เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที
2. ตั้งจอคอมพิวเตอร์ห่างจากตาอย่างน้อย20 - 24 นิ้ว ปรับมุมของจอให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 14 - 20 องศา
3. ปรับตำแหน่งของจอเพื่อลดแสงสะท้อน
4.ใช้ผลิตภัณฑ์หรือหน้าจอที่ช่วยลดแสงสะท้อน
5. ปรับความสว่างของจอและห้องให้เหมาะสม
6. กระพริบตาถี่ขึ้น ประมาณ 10-15ครั้งต่อนาที โดยต้องกระพริบตาให้เปลือกตาปิดสนิท
7. หากเริ่มมีอาการของปัญหาสุขภาพสายตาข้างต้นควรไปพบจักษุแพทย์”
ตัวอย่าง การใช้มอนิเตอร์จอโค้ง ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีบริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงได้ศึกษาไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน พบว่าคนยุคนี้ใช้สายตาจ้องผ่านจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และแนวโน้มมีแต่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตซึ่งแสงสีฟ้าที่สะท้อนกลับจากจอเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมาอย่างมากมายซัมซุงจึงพัฒนานวัตกรรมมอนิเตอร์จอโค้งที่คิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องสุขภาพโดยเฉพาะ ซัมซุง มอนิเตอร์ จอโค้ง (Samsung Curved Monitor) ที่โค้งรับกับสายตาทำให้มองเห็นและสามารถรับชมภาพจากทุกมุมได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดอาการจอสะท้อนเพราะรูปทรงโค้งที่แตกต่างจากจอทั่วไป ทำให้การหักเหของแสงจากสภาพแวดล้อมรอบๆสะท้อนสู่สายตาลดลง ความพิเศษยิ่งกว่าคือมีรัศมีความโค้งถึง 1800R โค้งเยอะที่สุดเป็นความโค้งที่ลึกกว่ารุ่นอื่นๆ ทำให้มีผลต่อการรับรู้มิติความลึกและตัดการรบกวนรอบข้างแก่ผู้ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตาที่คนยุคนี้กำลังประสบอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ขอบคุณที่มา women.thaiza.com