"พระสุวรรณสาม"ต้นแบบแห่งความ เมตตาและความกตัญญู
ดาบสทุกุละลูบท้องดาบสินีปาริกาพร้อมกับตั้งจิตปรารถนาขอให้ได้บุตร ต่อมาไม่นาน ดาบสินีปาริกาก็ตั้งครรภ์แล้วคลอดบุตรเป็นชาย มีผิวพรรณเหลืองสวยเหมือนทองคำจึงตั้งชื่อว่า สุวรรณสาม http://winne.ws/n7863
สุวรรณสามผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมีและเปี่ยมด้วยกตัญญู
พระสุวรรณสาม
พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระสุวรรณสาม ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมี
ชายหนุ่มทุกุละกับหญิงสาวปาริกา ต่างเป็นบุตรของนายพรานเนื้อ พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต้องการให้แต่งงานกัน แต่ทั้งสอง
เห็นว่าการมีคู่เป็นทุกข์ เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แต่งงานกัน แล้วชวนกันออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์วันหนึ่งท้าวสักกเทวราช รู้ว่าดาบสทั้งสองจะตาบอด จึงลงมาและบอกให้มีบุตร โดยให้ดาบสทุกุละลูบท้องดาบสินีปาริกาพร้อมกับตั้งจิตปรารถนาขอให้ได้บุตร ต่อมาไม่นาน ดาบสินีปาริกาก็ตั้งครรภ์แล้วคลอดบุตรเป็นชาย มีผิวพรรณเหลืองสวยเหมือนทองคำจึงตั้งชื่อว่า สุวรรณสาม
พระอินทร์รู้ว่าดาบสและดาบสสินีจะตาบอด จึงมาแนะนำให้ดาบสเพียงแค่ลูบท้อง ดาบสสินีก็จะตั้งครรภ์ เพื่อลูกจะได้ช่วยเลี้ยงดู
เมื่อดาบสสินีคลอดบุตรชายออกมางดงามผิวพรรณดั่งทองคำ จึงตั้งชืีอว่าสุวรรณสาม
เมื่อสุวรรณสามเติบโตเป็นชายหนุ่ม มีอายุได้ 16 ปี วันหนึ่งดาบสดาบสินีออกไปเก็บผลไม้ ตอนเย็นเกิดฝนตกหนักจึงเข้าหลบ ฝนข้างจอมปลวกใต้ต้นไม้ งูเห่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในจอมปลวกพ่นพิษใส่ตาดาบสทั้งสองทำให้ตาบอดสนิท สุวรรณสามเห็นผิดเวลาจึง
ออกตามหาจนมาพบเข้า ได้ปลอบโยนแล้วพากลับอาศรม
สุวรรณสามผูกเชือกโยงจากอาศรมไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นราวให้บิดามารดาจับเดินไป ตั้งแต่นั้นมาสุวรรณสามได้ปรนนิบัติ เลี้ยงดูบิดามารดาเป็นอย่างดี
สุวรรณสามเลี้ยงดูบิดามารดาที่ตาบอด
สุวรรณสามเริ่มโตเป็นหนุ่มสุวรรณสามเริ่มโตเป็นหนุ่มอายุ 16 พ่อกับแม่ก็ตาบอด
พระเจ้าปิลยักษ์ กษัตริย์เมืองพาราณสี โปรดการล่าเนื้อในป่าหิมพานต์ตามลำพัง เย็นวันหนึ่งพระองค์เสด็จมาถึงแม่น้ำมิคสัมมตา เห็นสุวรรณสามมีฝูงสัตว์ป่าอยู่ด้วยอำนาจเมตตาบารมี พระเจ้าปิลยักษ์ทรงประสงค์จะรู้ว่าเป็นใคร เทพหรือนาคจึงยิงศรถูกสุวรรณสาม สุวรรณสามได้รับความเจ็บปวดอย่างแรงกล้า แต่ไม่โกรธผู้ยิงหรือเกรงกลัวความตาย แต่กลับคร่ำครวญห่วงใยบิดามารดาพระเจ้าปิลยักษ์
ทรงสอบถามจนทราบเรื่องราว ทำให้พระองค์ทรงสำนึกผิด และให้สัญญากับสุวรรณสามว่า จะสละราชสมบัติมาปรนนิบัติเลี้ยงดูดาบส ดาบสินีแทน สุวรรณสาม สุวรรณสามกล่าวฝากฝังบิดามารดาแล้วก็สลบไป
พระเจ้าปิลยักษ์ยิงลูกศรถูกสุวรรณสาม
สุวรรณสามเล่าถึงบิดามารดาที่ตาบอด ต้องตายหากไม่มีใครเลี้ยงดู
สุวรรณสามสิ้นชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
พระเจ้าปิลยักษ์เสด็จไปที่อาศรม ดาบสดาบสินีรู้ว่าไม่ใช่สุวรรณสาม พระองค์จึงต้องสารภาพและพาดาบสทั้งสองไปยังที่สุวรรณสาม นอนสลบอยู่ ดาบสประคองศีรษะสุวรรณสามส่วนดาบสินีประคองเท้า แล้วทั้งสองก็ร้องไห้คร่ำครวญ ดาบสินีรู้สึกว่าร่างกายของสุวรรณ สามยังมีไออุ่นอยู่จึงรู้ว่ายังไม่ตายดาบสทั้งสองจึงตั้งสัตยาธิษฐาน ด้วยบุญกุศลที่สุวรรณสามปรนนิบัติเลี้ยงดูบิดามารดา ทำให้พิษและ บาดแผลหายได้
พระเจ้าปิลยักขราชเสด็จมาอาศรมแทนสุวรรณสาม
บิดามารดาตกใจร่ำไห้เสียใจที่ได้ข่าวสุวรรณสามตาย
มารดาได้อธิษฐานใช้อำนาจแห่งสัจจวาจารักษาสุวรรณสาม
บิดาใช้อำนาจสัจจวาจารักษาสุวรรณสาม
สุวรรณสามพลิกฟื้นขึ้น เทพธิดาสุนทรีซึ่งเคยเป็นมารดาสุวรรณสามในอดีตชาติ และคอยดูแลคุ้มครองสุวรรณสามอยู่ก็ตั้งสัตยาธิษ ฐานขึ้นบ้าง สุวรรณสามก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกันนี้ ดวงตาของดาบสดาบสินีก็คืนดีดังเดิมอีกด้วย สุวรรณสาม
กล่าวให้โอวาทพระเจ้าปิลยักษ์ให้กระทำดีต่อพระชนกชนนี พระมเหสี พระโอรสธิดา ข้าราชบริพาร ชาวเมือง บำรุงสมณพราหมณ์ เมตตา
สัตว์นานาชนิด และประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ
คนมีเมตตา คือ คนที่มีความรัก และปราถนาดี ทั้งแก่คนที่เป็นมิตรและศัตรู
พระสุวรรณสามทรงฟื้นคืนชีพด้วยสัจจะของบิดามารดาและเทพธิดา อีกทั้งคุณแห่งความดีความเมตตาและความกตัญญูเป็นสำคัญ
พระสุวรรณสามให้โอวาทแก่พระเจ้าปิลยักขราช
สุวรรณสามชาดก ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกขุททนิกายชาดก มหานิบาต และอรรถกถา ซึ่งพระโคตมพุทธเจ้าตรัสเรื่องสุวรรณสามขณะประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร อารามที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีซื้ออุทยานพระกุมารพระนามว่าเชตสร้างถวาย พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญพระภิกษุรูปหนึ่ง ผู้บิณฑบาตเลี้ยงบิดามารดา เพื่อจะยกย่องพระภิกษุผู้เลี้ยงดูบิดามารดาด้วยสิ่งของที่ชาวบ้านถวายว่าเป็นพระภิกษุยอดกตัญญู ให้เป็นแบบอย่างแก่พระภิกษุทั้งปวง พระพุทธองค์จึงตรัสเรื่องราวในอดีตชาติของพระองค์[4] แล้วตรัสว่า
... ภิกษุทั้งหลาย การเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นวงศ์ของบัณฑิตทั้งหลาย
— พระโคตมพุทธเจ้า
ตรัสดังนี้แล้วทรงประกาศอริยสัจ 4 เพื่อประชุมชาดก เมื่อแสดงเทศนาว่าด้วยอริยสัจ 4 จบ พระภิกษุนั้นได้บรรลุธรรมขั้นโสดาปัตติผล
จากชาดกนี้ "พระราชากบิลยักขราช" ในกาลนั้นกลับชาติมาเกิดเป็น พระอานนท์ "พสุนธรีเทพธิดา" เกิดเป็นภิกษุณีชื่อ อุบลวรรณา "ท้าวสักกเทวราช" เกิดเป็น พระอนุรุทธะ "ทุกูลบัณฑิต" ผู้บิดา เกิดเป็น พระมหากัสสปะนางปาริกา "นางปาริกาดาบสินี" ผู้มารดา เกิดเป็นภิกษุณีชื่อ ภัททกาปิลานี ส่วนสุวรรณสามดาบส ทรงอุบัติเป็น พระโคตมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงประชุมชาดก
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก