ไม่ว่าคุณจะคิดว่าการทำสมาธิหรือสวดมนต์เป็นประตู่สู่การบรรลุธรรมหรือเป็นแค่เพียงวิธีสำหรับการสร้างความจดจ่อต่อการทำงาน สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนจากการทำสมาธิคือประโยชน์ดีๆ ที่ได้รับทั้งต่อร่างกายและจิตใจของเรา

 แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังข้อดีต่างๆ นั้น อาจยังไม่ชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้นในสมองของเราบ้าง เมื่อเราแค่เพียงนั่งนิ่งๆ และจดจ่ออยู่กับลมหายใจของเราเอง

จากตอนที่ 5 ใน 10 ตอนของรายการ Next Level Living ของ Huffpost ที่เสนอเกี่ยวกับหลักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับนิสัยในชีวิตประจำวันของพวกเรา เราได้สอบถามนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลที่เกิดจากการทำสมาธิและสวดมนต์ที่มีต่อสมองและร่างกายของเราเช่น การลดความเครียด พัฒนาคุณภาพการนอน และประสบการณ์บางอย่างที่น่าอัศจรรย์

“ยิ่งคุณทำสมาธิหรือสวดมนต์มากเท่าไร สมองของคุณจะมีเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นและทำงานได้ดียิ่งขึ้น” ดร.แอนดรู นิวเบิร์ก นักประสาทเทววิทยาและผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแห่งศูนย์การแพทย์บูรณาการ Myrna Byrd แห่งเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ในวิดีโอนี้

ในห้องทดลอง ดร.นิวเบิร์ก ได้สแกนสมองของผู้นำทางจิตวิญญาณหลายท่านในขณะที่ทำสมาธิหรือสวดมนต์ เพื่อจะศึกษาว่าการทำสมาธินั้นช่วยปรับเปลี่ยนสิ่งที่เกิดในสมองอย่างไร สิ่งที่ได้จากการศึกษาคือ ความจดจ่อและศูนย์ภาษาได้รับการกระตุ้น ในขณะที่สมองกลีบด้านข้างตอนบนซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ในร่างกายถูกยับยั้งการทำงาน และสิ่งที่น่าประหลาดใจ คือสมองส่วนธาลามัสซึ่งเป็นศูนย์รวมถ่ายทอดสัญญาณกระแสประสาทด้านความรู้สึกต่างๆ จะทำงานอย่างคล่องตัวขึ้น

Eleana Brower ผู้เขียนหนังสือ เรื่อง The Art ofAttention กล่าวว่า เมื่อฉันฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง สมองของฉันสงบทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาสู่ชีวิตของฉันได้ ลดระดับความซึมเศร้าและความกังวล และการทำสมาธิก็สามารถปฏิบัติได้ทุกที่ไม่ว่าจะบนโซฟาหรือบนเก้าอี้ แค่เพียงมีที่พิงหลัง ทำสมองให้ว่างเปล่าและคุณสามารถจดจ่ออยู่กับลมหายใจ

วิธีในการฝึกสมาธิอาจมีหลากหลายวิธี แต่เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการฝึกสมาธิ ขอให้คุณนั่งสบายๆ ในที่ที่สงบ ปิดอุปกรณ์สื่อสารหรือเครื่องมืออิเลคโทรนิคส์ต่างๆ ที่อาจรบกวนการทำสมาธิของคุณ และจดจ่ออยู่กับลมหายใจของคุณ หายใจเข้า หายใจออก นับลมหายใจนั้น เมื่อการฝึกสมาธิของคุณก้าวหน้า คุณจะพบว่าคุณนั่งสมาธิได้เป็นระยะเวลานานขึ้น

ดร. นิวเบิร์ก กล่าวว่า สมาธิสามารถฝึกได้ทุกทีทุกเวลา แทนที่จะดื่มกาแฟเฉยๆคุณอาจจะจินตนาการถึงกรรมวิธีการผลิตกาแฟ ตั้งเมล็ดกาแฟเติบโตขึ้นเป็นต้นจนมีเมล็ดกาแฟ จนถึงการนำเมล็ดกาแฟไปคั่ว นำไปต้มกับน้ำร้อน จนได้กาแฟรสเลิศออกมากเพียงเท่านี้เช้าของคุณก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง การทำสมาธิไม่เพียงเป็นวิธีสำหรับการลดความเครียด แต่มันยังเป็นหนทางแห่งการเปลี่ยนมุมมองชีวิตโลกรอบตัวคุณด้วย

ขอบคุณข้อมูลและวิดีโอจาก www.huffingtonpost.com  : A Scientist Explains How Meditation And Prayer Rewire Your Brain