"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้ว

.แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหมดกิเลสเป็นผู้บริสุทธิ์ขนาดนี้ ก็ยังมีคนด่าว่าใส่ร้ายถึงเพียงนี้ แต่ที่น่าตกใจเป็นที่สุดก็คือ กลับมีคนจำนวนมากมายหลงเชื่ออีกด้วย! http://winne.ws/n24149

1.4 พัน ผู้เข้าชม
"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้วYoutube

"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้า ผู้หมดกิเลสแล้ว

"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต แค่คิด แค่พูด จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ รู้หรือไม่รู้ ก็มีผลสะท้อนกลับถึงผู้กระทำ กฎที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้ว 

ในยุคปัจจุบัน มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่า..การด่าว่าพระภิกษุสงฆ์เป็นสิ่งไม่ผิดซ้ำร้ายยังคิดว่า..เป็นการช่วยพระพุทธศาสนาอีกด้วย เพราะเท่ากับเป็นการกำจัดพระไม่ดีให้หมดไป!

ก่อนจะปักใจดิ่งทำตามความคิดข้างบนผู้เขียนก็อยากจะเล่าเรื่องวิบากกรรมเก่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ฟังเสียก่อน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจอะไรใหม่ เพราะการทำบาปโดยไม่รู้ว่าบาป ย่อมส่งผลรุนแรงกว่าการรู้แล้วทำ เสมือนการไม่รู้ว่าก้อนถ่านไฟนั้นร้อน แล้วรีบคว้าจับเต็มมือ ย่อมร้อนกว่าการรู้ว่าร้อนแล้วจับ เพราะถ้ารู้ว่าร้อน เราก็จะจับมันอย่างระมัดระวัง!

"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้วYoutube

วิบากกรรมที่อดีตชาติพระพุทธเจ้า เคยกล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้า

ในวันหนึ่ง “มุนาฬิ” ไปเที่ยวป่ากับเพื่อน ๆ แล้วเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า “สุรภิ” ซึ่งเป็นผู้มีฤทธานุภาพมาก แต่แทนที่จะเกิดความเลื่อมใส กลับรู้สึกว่า พระองค์เอาแต่นั่งเฉย ๆ ไม่ได้เทศน์สอนใคร มีแต่จะรอรับอาหารจากชาวบ้าน จึงได้ด่าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีล ห่มจีวรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทำมาหากิน มัวแต่เที่ยวเดินขออาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”

ด้วยกรรมนี้ ทำให้ “มุนาฬิ” ตกนรกหมกไหม้ทนทุกข์ทรมานหลายพันปีนรก 

(จาก อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทานภาค ๑ เถราปทาน ๑ พุทธวรรค และ อรรถกถาขุททกนิกาย อุทาน เมฆิยวรรคที่ ๔ สุนทรีสูตร) 

ทำให้เข้าใจได้กระจ่างชัดว่า  แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมดกิเลสแล้วก็ยังต้องรับกรรมที่เคยทำมาในอดีต อย่างในเรื่อง  ที่พระองค์ถูกใส่ร้าย ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง เป็นเพราะวิบากกรรมเก่าครั้งที่เคยเสวยพระชาติเป็นนักเลงชื่อว่า “มุนาฬิ”

จนมาในภพชาติสุดท้าย  แม้พระองค์ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม  ก็ยังหนีกรรมนั้นไม่พ้น ทำให้พวกเดียรถีย์  อิจฉาริษยาคิดหาอุบาย วางแผนใส่ร้าย โดยส่งปริพาชิกา ชื่อ “สุนทรี” เดินเข้าเดินออกในวัดพระเชตวัน  อยู่ ๒-๓ วัน ทำทีว่า ไปพักอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นพวกเดียรถีย์จึงจ้างโจรให้ไปฆ่านาง แล้วนำศพไปโยนทิ้งไว้ด้านหลังพระคันธกุฎี และทำแผนชั่วใส่ความว่า  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นคนฆ่านาง  ทำให้มีคนหลงเชื่อมากมาย แล้วพากันด่าพระองค์ด้วยคำหยาบคาย

"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้วDMC.TV

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระพุทธองค์ยังเคยถูก “นางจิญจมาณวิกา” กล่าวตู่ว่า ได้นอนในพระคันธกุฎีร่วมกับพระองค์ จนนางตั้งครรภ์  ทำให้ชาวบ้านบางส่วนหลงเชื่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ  ภพในอดีต พระองค์ เคยกล่าวตู่พระอรหันต์องค์หนึ่งที่  ชื่อ “นันทะ” ด้วยบาปกรรมนี้ พระองค์จึงต้องตกนรกเสวยทุกข์ทรมาน เป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งหมื่นปีนรก จนเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์  แล้วก็ยังถูกกล่าวตู่มากมาย  แม้ภพชาติที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  กรรมก็ยังตามส่งผลให้พระองค์ ถูกนางจิญจมาณวิกา กล่าวตู่ด้วยถ้อยคำ  ที่ไม่เป็นความจริงต่อหน้าสาธารณชน

จะเห็นว่า..แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหมดกิเลสเป็นผู้บริสุทธิ์ขนาดนี้  ก็ยังมีคนด่าว่าใส่ร้ายถึงเพียงนี้ แต่ที่น่าตกใจเป็นที่สุดก็คือ  กลับมีคนจำนวนมากมายหลงเชื่ออีกด้วย!

"กฎแห่งกรรม" กฎเหล็กของทุกชีวิต ที่ไม่เคยยกเว้นผู้ใดแม้องค์พระพุทธเจ้าผู้หมดกิเลสแล้ว

มาในยุคนี้ก็เช่นกัน มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่พยายาม ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ทรงศีล เช่น สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)  ซึ่งเป็นถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นถึงพระระดับสูงสุดแห่งศาสนจักร ตลอดจนพระรูปอื่น ๆ หรือแม้แต่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย (หลวงพ่อธัมมชโย)  โดนตัดต่อภาพ โดนทำเฟซบุ๊กปลอมทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยเล่นเฟซบุ๊กเลย ซ้ำร้ายยังส่งข้อมูลเท็จใส่ร้ายท่านในโลกไซเบอร์ โดยที่ยังไม่รู้จริงเลยว่าท่านเป็นอย่างไร

ดังนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วง ว่าได้ก่อเวรครั้งใหญ่ ให้กับตนเองหรือไม่??  เพื่อเป็นความไม่ประมาท เราควรทำใจนิ่ง ๆ จะดีกว่า จะได้ปลอดภัย ไปทุกชาติ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.kalyanamitra.org/th/uniboon_detail.php?page=3707

แชร์