ย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้น "คดีพระธัมมชโย" กันชัด ๆ อีกครั้งซิ
พระธัมมชโย เข้ากระบวนการยุติธรรมมาแล้วในฐานะพยาน ในคดีปี 56 และในคดีปี 59 ที่เกี่ยวเนื่องด้วยใช้หลักฐานชุดเดียวกันนี้ ก็เข้ากระบวนการแล้วเพียงแต่ขอเลื่อนเพราะป่วยจริง แต่ฝ่ายสอบสวนไม่เชื่อและไม่มาตรวจสอบอีกด้วย อ้างว่ามาไม่ได้ http://winne.ws/n10651
ไหนว่าไปวัดพระธรรมกายไม่ได้ ทั้งที่ กฎหมายไม่ได้ห้ามไปแจ้งข้อกล่าวหานอกสถานที่
พระธัมมชโย เข้ากระบวนการยุติธรรมมาแล้วในฐานะพยาน ในคดีปี 56 และในคดีปี 59 ที่เกี่ยวเนื่องด้วยใช้หลักฐานชุดเดียวกันนี้ ก็เข้ากระบวนการแล้วเพียงแต่ขอเลื่อนเพราะป่วยจริง แต่ฝ่ายสอบสวนไม่เชื่อและไม่มาตรวจสอบอีกด้วย เมื่อถูกออกหมายจับให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ก็ไม่ได้หลบหนีไปที่ไหน เพียงรอให้เจ้าหน้าที่มาหาอยู่ที่วัด ถึงแม้พระธัมมชโยจะเข้ากระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นกลางนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิพื้นฐานในความเป็นมนุษย์พึงได้เลย จึงต้องวิงวอนขอความยุติธรรมจากสังคมด้วย
ที่สำคัญ จำได้ว่า ทางวัดได้เคยไปยื่นหนังสือ ขอร้องให้เปลี่ยนสถานที่แจ้งข้อกล่าวหา เป็นที่วัดแทน ท่านก็ไม่ไป บอกว่าไปไม่ได้ ทั้งที่ไม่ข้อกฎหมายใดห้ามเลย แล้วตอนนี้จะรีบไปจับท่านตามหมาย ก็แปลก ๆ อยู่นะครับ
แม้กระทั่งหมายจับที่ปากช่อง ตำรวจก็ไปเชื่อผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่ถูกไล่ออกจากราชการแล้ว มาตัดสินว่า สถานที่ปฏิบัติธรรมบุกรุกป่าสงวน ทั้งที่ก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายมาตลอด สถานที่ใหญ่ขนาดนั้น ทำมานานเป็น สิบปี ไม่มีปัญหา ก็แปลกอีกนะครับ
ที่มา : http://clearmai.blogspot.com/2016/06/blog-post_40.html
เห็นแล้วกะตา ว่าป่วยจริง ยังแกล้งไม่เห็น ไม่เชื่อ กล่าวหาพระผู้ใหญ่ ได้ลงคอ อำมหิตจริง ๆ
ทำไมดื้อ??? ทำไมไม่มอบตัว??? ทำไมไม่เข้าประบวนการยุติธรรม???
ทำไมดื้อ??? ทำไมไม่มอบตัว??? ทำไมไม่เข้าประบวนการยุติธรรม???
คำถามมากมายที่สังคมถามวัดพระธรรมกาย สังคมตอนนี้ ทุกคนถามคำถามเหล่านี้ เพราะหมายจับ ที่จะมาจับหลวงพ่อ ทุกคนมุ่งอยากให้ไปพิสูจน์ ไม่ผิดก็ไปพิสูจน์ในศาลสิ คุณอ่านสิ่งนี้ แล้วคิดดูแล้วกัน
ข้อมูลหลักฐานของคดีหนึ่งค้างอยู่ที่อัยการ
โดยหลวงพ่อธัมมชโยอยู่ในฐานะ "พยาน" จู่ ๆ เจ้าพนักงานสอบสวนเกิดขยัน เนื่องจากมีนักกฎหมายที่ทราบช่องโหว่
ไปดันให้สมาชิกสหกรณ์คนนึงออกมาแจ้งความ โดยใช้คดีฟอกเงินเป็นตัวตั้ง เพราะเป็นอาญาแผ่นดินซึ่งใครจะแจ้งความก็ได้
จนได้คดีใหม่ขึ้นมา พอถามทำไมเป็นแบบนี้ คุณก็บอกว่า "มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว" พูดง่าย ๆ กับพระผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองแบบนี้เลยนะ
ต่อมาได้เปลี่ยนสถานะหลวงพ่อจาก "พยาน" มาเป็น "ผู้ต้องหา" จนวุ่นวายมากระทั่งทุกวันนี้ เกือบปี ผ่านไปหน้าตาคนแจ้งความยังไม่เคยเห็น แต่นักกฎหมายป๋าดันพร้อมกับคู่หูนักจินตนาการระดับโลกมาออกทีวีแทบทุกช่อง แถมเจ้าพนักงานสอบสวนอุตส่าห์เรียกคนกลุ่มนี้มาให้ข้อมูลอีก
โดยมีจุดยืนอย่างชัดเจนคือ "ต้องสึกหลวงพ่อให้ได้" พร้อมทั้งทำทุกวิถีทางให้บรรลุจุดประสงค์นั้น แต่…หลวงพ่อกลับถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ จากการถูกกระทำโดยปราศจากความยุติธรรมของเจ้าพนักงานสอบสวนว่า "ดื้อ…ไม่ยอมเข้ากระบวนการยุติธรรม" ถามว่าแบบนี้มันยุติธรรมกับท่านหรือไม่?
คำถาม:
1. หากคุณถูกดำเนินคดี โดยมีคนที่ไม่ชอบคุณเป็นคนให้ข้อมูลแก่พนักงานสอบสวน คุณจะโอเคหรือไม่?
2. ตั้งแต่คดีเริ่ม พนักงานสอบสวนไม่มีท่าทีที่เป็นกลางหรือเป็นมิตรเลย ตั้งใจจะลุยจับอย่างเดียว หากคุณเป็นผู้ถูกกล่าวหาคุณจะโอเคหรือไม่?
3. มีเอกสาร "ขอ" ให้มาแจ้งข้อกล่าวหาที่สถานที่พัก (ทำได้ตามกฎหมาย) เนื่องจากเดินทางไม่ได้ (หมอห้าม) แต่พนักงานสอบสวนไม่ยอมมา (กลับไปแจ้งฯ ที่อื่นได้ในคดีเดียวกัน)
แถมรีบออกหมายจับบอกว่าคุณไม่ยอมรับฟังข้อกล่าวหา หากคุณเจอแบบนี้ คุณโอเคไหม?
4. เมื่อหมายจับออกก็ยกกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือมาร่วมพัน เพื่อจะมาจับคุณไป "รับฟังข้อกล่าวหา"
แต่ก่อนจะทำแบบนั้นต้อง "ประหารชีวิตคุณก่อน" (สึกในทางพระ คือ ประหาร) หากเป็นคุณ จะไปกับเขาไหม? อยากจะให้สังคมที่เรียกตัวเองว่าสังคมอุดมปัญญา มองโลกโดยใช้ตรรกะที่มีเหตุผลและปราศจากอคติ ค่อย ๆ พิจารณาข้อมูล ให้ครบทุกมิติ แล้วจะรู้ว่าในกรณีของ วัดพระธรรมกายนี้
"ใคร? คือผู้ร้ายตัวจริง"
โสตฺถี
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
ที่มา : http://clearmai.blogspot.com/2016/06/blog-post_40.html