อย่างไหนที่เรียกว่า "วาสนา"

คำว่า"วาสนา" ในทางธรรม คือ นิสัย เป็นสิงที่ติดตัวข้ามชาติ ซึ่งในสมัยพุทธกาลก็มีตัวอย่างมาให้เห็นหลาย ๆ ตัวอย่าง เช่น พระสารีบุตร และพระปิลินทวัจฉะ http://winne.ws/n6564

2.7 พัน ผู้เข้าชม
อย่างไหนที่เรียกว่า "วาสนา"ขอบคุณภาพจาก dmc.tv

คำว่า"วาสนา"ในภาษาไทยหมายถึง   บุญบารมีที่สั่งสมมานาน  ทำให้คน ๆ นั้นมีความพรั่งพร้อมสมบูรณ์ทุกด้าน   ดังคำกล่าวถึงบุคคลที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ว่า  “เขามีวาสนา”   หรือ   “เป็นวาสนาของเขา”  ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพียง ครึ่งเดียว เพราะจริง ๆ แล้ว วาสนา เป็นคำกลาง ซึ่งจะหมายถึงสิ่ง ที่ดี หรือไม่ดีก็ได้

ตามความหมายทางธรรม  “วาสนา”   หมายถึง นิสัยที่ฝังลึกอยู่ในจิตจนถอนไม่ขึ้น  ว่ากันว่า  ถึงจะบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังละ  “วาสนา”  ไม่ได้  ยกเว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

มีตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายเรื่อง  เช่นเรื่องที่

เกี่ยวกับพระสารีบุตร  อัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า 

พระสารีบุตรท่านมี  “วาสนา”  ที่ละไม่ได้อยู่อย่างหนึ่ง  คือเวลาท่านพบลำธารหรือคู คลอง พระรูปอื่นก็จะค่อยเดินฝ่าไป  แต่พระสารีบุตร ท่านจะถกเขมร และกระโดดข้ามไป

พระสงฆ์อื่นเห็นอาการไม่สำรวมของพระอัครสาวกต่างก็พากันซุบซิบว่า  พระเถระผู้ใหญ่อย่างท่าน  ไม่น่าทำอย่างนี้เลย

เรื่องทราบถึงพระกรรณของพระพุทธเจ้า  พระองค์ตรัสแก่พระสงฆ์ทั้งหลายว่า  อย่าได้ตำหนิสารีบุตรเลย   กิริยาอาการอย่างนั้นเป็น “วาสนา”  ที่สั่งสมมานานของสารีบุตร  แม้เป็นพระอรหันต์แล้วก็ละไม่ได้เพราะว่าในชาติปางก่อนโน้น  สารีบุตรเคยเกิดเป็นลิงติดต่อกันหลายร้อยหลายชาติ   จึงติดนิสัยกระโดดโลดเต้นชอบปีนป่ายของลิงมา

อย่างไหนที่เรียกว่า "วาสนา"ขอบคุณภาพจาก pantip.com

อีกเรื่องหนึ่ง    คือมีพระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา  นามว่าพระปิลินทวัจจะ  ท่านชอบพูดคำว่า   “วสลิ” (แปลเป็นไทยว่า “ไอ้ถ่อย”  )  จนติดปาก  พบใครไม่ว่าจะระดับใด  ท่านจะทักด้วยคำว่า  “สบายดีหรือ  ไอ้ถ่อย”

ประชาชนทั่วไปรู้ว่าท่านพูดไม่เพราะเช่นนั้นเอง  แต่จิตใจท่านเต็มไปด้วยเมตตา  จึงไม่ได้ถือสาท่าน  

วันหนึ่งพ่อค้าขายดีปลีคนหนึ่ง  บรรทุกดีปรีเต็มเกวียน  เดินทางเข้าเมืองที่เพื่อค้าขาย  ระหว่างทางพบท่านปิลินทวัจฉะ  ท่านถามว่า “บรรทุกอะไรมา  ไอ้ถ่อย” ได้ยินพระพูดไม่ไพเราะอย่างนั้น  พ่อค้าแกก็ฉุนตงิด  ๆ  ตะโกนตอบเสียงดังว่า

“บรรทุกขี้หนูโว้ย   ไอ้ถ่อย”

ทันใดนั้นดีปลีเต็มลำเกวียนได้กลายเป็นขี้หนูทันทีแต่เจ้าตัวยังไม่รู้พอเข้าเมืองจอดเกวียนเพื่อขนดีปลีออกมาขาย  เขาก็แทบลมจับ  เพราะมีแต่ขี้หนูเต็มเกวียน 

เขาได้วิ่งแจ้นตามไปกราบขอขมาท่านพระปิลินทวัจฉะ  เขาได้ผิดไปแล้วที่พูดคำหยาบกับพระคุณเจ้า  ได้โปรดยกโทษให้ด้วย

“ไม่เป็นไร  ไอ้ถ่อย ข้ายกโทษให้” ท่านตอบด้วยจิตเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม  เรื่องนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ตรัสว่า  เป็น “วาสนา”  ของปิลินทวัจฉะเอง  แก้ไม่ได้  แต่เธอไม่มีเจตนาจะพูดคำหยาบ

อย่างไหนที่เรียกว่า "วาสนา"ขอบคุณภาพจากkalayanamitra.org

จากตัวอย่างข้างต้น เป็นการยืนยันว่า นิสัย เป็นสิ่งที่ติดตัวข้ามชาติ ถ้าเราอยากให้มีนิสัยแบบใหน ก็ทำแบบนั้นให้ติด เช่น นิสัยรักการปฏิบัติธรรม  นิสัยรักความสะอาด เป็นระเบียบ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เราเกิดมาเพื่อมากำจัดทุกข์ คือการทำพระนิพพานให้แจ้ง จะได้ไม่ต้องกลับไปเวียนว่าย ตาย เกิด อีก ดังนั้น สิ่งแรกที่เราจะต้องทำ คือการแก้นิสัยที่ไม่ดีก่อน ให้ฝึกแต่นิสัยดีๆ ให้ติดตัวไปข้ามชาติ เพื่อที่ว่า เกิดมาในภพชาติต่อไปจะได้ต่่อได้ทันที โดยไม่ต้องไปเริ่มต้นแก้นิสัยกันใหม่อีก

ขอบคุณ เรื่องจาก got to know

แชร์