ความลึกล้ำมหัศจรรย์ของแพทย์แผนไทยที่เป็นศาสตร์และภูมิปัญญาของบรรพบุรุษคนไทยทางด้านการแพทย์ที่ถ่ายทอดสืบทอดต่อกันมา แต่ถึงทุกวันนี้เริ่มสูญหายเหลือน้อยนักที่จะได้พบเห็น โดยเฉพาะการรักษาดวงตาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย ล่าสุดที่ รพ.สต.ไผ่รอบเหนือ ต.ไผ่รอบ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ปรากฏว่ายังคงหลงเหลือให้เห็นและเป็นที่นิยมของผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยที่ดวงตา โดย นายสมทบ สอนราช อายุ 44 ปี  ผอ.รพ.สต.ไผ่รอบเหนือได้เปิดทำการรักษาด้วยวิธี“บ่งต้อด้วยหนามหวาย” มีผู้ป่วยด้วยโรค ต้อหิน ต้อลม เจ็บตา คันตา แสบตา มาขอทำการรักษาโดยเดินทางมาจากทั่วประเทศ

หมอสมทบที่มีความชำนาญศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่ใช้วิชา“บ่งต้อด้วยหนามหวาย”เล่าว่าศาสตร์การแพทย์แผนไทยวิธีรักษารักษานี้ เท่าที่สืบค้นประวัติได้ย้อนขึ้นไป3-4ช่วงอายุคน ที่ต้องรำลึกถึงก็คือ ครูอรุณ  นนทวารี , ครูสงคราม อินบัว และครูชะเอม ขุมเพชร ซึ่งเป็นผู้ประสิทธิประศาสน์ถ่ายทอดวิชาให้หมอสมทบ บ่งต้อด้วยหนามหวาย ซึ่งกรรมวิธีในการรักษาเริ่มต้นจากการตรวจสุขภาพคัดกรองเบื้องต้นที่ผู้ป่วยที่มีอาการเกิดโรคภัยไข้เจ็บจากดวงตาไปจนถึงผู้ที่ป่วยแล้วมีอาการตาบอด(ไม่ใช่ผู้ที่ตาบอดมาแต่กำเนิด)มาขอทำการรักษา ซึ่งหมอสมทบจะเปิดรับการรักษาเดือนหนึ่งเพียงแค่ 2-3 ครั้ง ครั้งหนึ่งจะใช้เวลารักษาติดต่อกัน 3 วัน หรือ 3 ครั้ง

การรักษาแต่ละครั้งแต่ละคนใช้เวลา 10-15 นาทีต่อคน แต่ขึ้นอยู่ที่การจับหรือจองคิวตามการลงทะเบียน ซึ่งทุกวันนี้มีคิวรอรับการรักษายาวไปถึงเดือนพฤษภาคม 2561 แล้ว เพราะในแต่ละครั้งที่เปิดรับการรักษาก็จะรักษาได้เต็มที่เพียง 150 คนต่อรุ่น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามธรรมเนียมแพทย์แผนไทยที่ต้องมีเครื่องไหว้ครูบาอาจารย์เป็นกล้วยน้ำว้าห่ามๆ 1 หวี เทียนน้ำมนต์หนักบาท 1 เล่ม เงิน 12 บาท ค่าวัสดุของ รพ.สต.ไผ่รอบเหนือ 100 บาท  ( เป็นตามระเบียบราชการ ) ค่าใช้จ่ายเพียงเท่านี้ในการรักษา 3 ครั้ง

หมอสมทบ บ่งต้อด้วยหนามหวาย  กล่าวถึง วิธีรักษาว่าศาสตร์แพทย์แผนไทยแขนงนี้เป็นการรักษาโดยธาตุอากาศของมนุษย์ที่ประกอบด้วย ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ สัมพันธ์เชื่อมโยงกันในร่างกายมนุษย์ มีเส้นลมเส้นประสาทที่เป็นเส้นประธาน 10 เส้น เส้นบริวาร 7,200 เส้น โดยเฉพาะเส้นที่ไปสู่ดวงตามุจุดกำเนิดจากหน้าท้องวนไปด้านหน้า วนไปที่ขา อ้อมไปที่เข่าด้านหลัง กลับมาที่แผ่นหลัง อ้อมไปที่ศีรษะแล้วมาจรดที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง ถ้าเทียบกับศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบัน ก็คือ ทางเดินของเส้นประสาททั้งหลายนั่นเอง

สำหรับวิธีการรักษา “หมอสมทบ”ก็จะใช้หนามหวาย ( คุณสมบัติของหนามหวายที่มีรสขมเป็นตัวช่วยสมานแผลมีความคมยืดหยุ่น สามารถดึงเส้นใยออกจากแผ่นหลังได้ดี จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมต้องใช้หนามหวาย ) มาทำการบ่งไปที่บริเวณจุดที่มีสิ่งผิดปกติ มีรอยของโรคโดยการดึงเอาเส้นใยหรือสิ่งแปลกปลอมที่เกาะติดอยู่บนแผ่นหลังออกมาทิ้ง ทำเพียงเท่านี้ก็สามารถบำบัดอาการเจ็บป่วยและรักษาโรคผู้ป่วยที่เกิดขึ้นที่ดวงตา โดยเฉพาะถ้าเป็นต้อลมสามารถรักษาเห็นผลได้ภายใน 1-2 วัน

ส่วนโรค ต้อหิน ต้อลม ต้อกระจก ก็อาจต้องใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่สุขภาพและการปฏิบัติตนตามข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติที่มีกฎเกณฑ์ไว้ด้วยว่า ผู้ที่จะขอเข้ามาทำการรักษาห้ามกินกล้วยน้ำว้าทุกชนิดและผลิตภัณฑ์จากกล้วย ก่อนมาและหลังการรักษาอย่างน้อย 3 วัน, ห้ามกินหน่อไม้ ชะอม หลังทำการรักษา 15 วัน, ห้ามกินของหมักของดองเหล้าเบียร์ 15 วัน และ ห้ามยกของหนักเกิน 20 กิโลกรัม 15 วัน, หลีกเลี่ยงการโดนลมโดนแสงโดนฝุ่น 15 วัน  ส่วนเวลาการรักษาเวลา 07.00-17.00 น. ก็จะเปิดเป็นรอบ เดือนหนึ่งเปิดเพียง 2-3 ครั้ง 

ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคดวงตามาขอทำการรักษาเป็นจำนวนมากและมากขึ้นเป็นแบบทวีคูณ เนื่องจากเป็นแพทย์ทางเลือกที่หลังจากสิ้นหวังหรือหมดหวังจากแพทย์แผนปัจจุบัน จึงมาขอรักษาและพบกับ มหัศจรรย์แพทย์แผนไทย “บ่งต้อด้วยหนามหวาย” รักษาดวงตาที่ป่วยด้วยอาการโรคต้อหินต้อลมต้อกระจก ซึ่งในประเทศไทยมีเกิดขึ้นแล้วที่ รพ.สต.ไผ่ท่าโพเหนือ จังหวัดพิจิตร

นอกจากนี้ หมอสมทบ บ่งต้อด้วยหนามหวาย  ได้กล่าวทิ้งท้ายกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้ามีบุญวาสนาต่อกันหรือมีโอกาสอยากจะขอทดลองทำการรักษา คุณเพชรา เชาวราษฎร์ ดูสักครั้ง อาจมีช่องทางทำให้อาการดีขึ้นก็ได้

สำหรับท่านใดที่สนใจขอเข้ารับการรักษาสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร 056-670230 ในวันและเวลาราชการ

ขอขอบคุณ : บ้านเมือง

http://www.banmuang.co.th/news/region/102118