อุบาย"หักอาลัย"ในเนื้อคู่ ของหลวงปู่ แหวน สุจิณโณ

ตอนหนึ่งพิจารณามาถึงหนังได้ความว่า คนเราหลงอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูไว้ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เพ่งพินิจอยู่จนเห็นความเปื่อยเน่าผุพังสลายไปไม่มีส่วนไหนที่จะถือว่า เป็นของมั่นคง http://winne.ws/n19554

3.3 พัน ผู้เข้าชม
อุบาย"หักอาลัย"ในเนื้อคู่   ของหลวงปู่ แหวน สุจิณโณ

 อุบาย"หักอาลัย"ในเนื้อคู่ 

ของหลวงปู่ แหวน สุจิณโณ

เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน เมื่อสมัยที่เรียนมูลกัจจายน์ที่จังหวัดอุบลราชธานีได้มีหมอดูทำนายว่า เนื้อคู่ของท่านจะมีรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปใบโพธิ์ แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วยชีวิตนี้ท่านได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระ ศาสนาแล้วจึงขอกล่าวถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสืออนุสรณ์หลวงปู่แหวนเกี่ยวกับในช่วงที่จิตของท่านนึกเห็นแต่หน้าของหญิงนางนั้นที่สุดท่านก็ไดบังคับจิตของท่านให้หลุดออกจากห้วงนั้นโดยใช้อุบายธรรมพิจารณาเหตุผลใน ทีละอย่างจนท่านก็ประสบความสำเร็จ เนื้อความในหนังสือที่ยกมากล่าวอ้างนี้ความว่า

วันหนึ่ง หลวงปู่แหวนได้มาพักบำเพ็ญอยู่ที่บ้านนาสอง เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควรพวก ชาวบ้านถิ่นนั้นมีแปลกอยู่อย่างคือเวลาเห็นพระไปบิณฑบาต พวกเขาจะป่าวร้องกันมาใส่บาตรว่า

"มาเน้อมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้วหา น้ำอ้อยน้ำตาลมาใส่บาตร ญาติธรรมมาแล้ว ท่านชอบของหวาน "

เมื่อได้ยินคน ร้องประกาศเช่นนั้น ต่างก็เอาของมาใส่บาตรจนเต็มพวกนี้เหมือนกับพวกไทย ใหญ่ ไทยใหญ่ถ้าเห็นพระไปบิณฑบาตเขาจะใส่บาตรด้วยน้ำอ้อยน้ำตาลกับข้าว เช่นกัน พวกเขาถือว่าเจ้บุ๊นไม่กินเนื้อสัตว์กินแต่ของหวาน แต่อย่างไรก็ตาม การฉันข้าวกับน้ำอ้อยน้ำตาลนั้นวันสองวันแรกก็ฉันได้ ดี แต่วันที่สามที่สี่รู้สึกเบื่อ

วันหนึ่งใกล้ค่ำได้ไปสรงน้ำที่แม่น้ำ งึม มีหญิงสองคนแม่ลูกถ่อเรือมาตามลำน้ำงึมถึงที่พระกำลังสรงน้ำอยู่ ก็ชำเลืองตามาทางพระหนุ่มเมื่อสายตาของทั้งฝ่ายประสานกันเข้า ก็มีอานุภาพลึกลับและรุนแรงพอที่จะตรึงคนทั้งสองฝ่าย ให้ตะลึงไปได้ระหว่าง ทางที่เดินกลับที่พักในใจยังคิดถึงหญิงงามนั้นอยู่เมื่อมาถึงที่พักจึง กลับได้สติหวนระลึกถึงคำนายของหมอดูเมื่อครั้งเรียนมูลกัจจายน์อยู่เมือง อุบล ที่ทำนายว่า

"เนื้อคู่ของท่านอยู่ทางทิศนี้ รูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้าเหมือนใบโพธิ์ "

หญิงที่เราพบเห็นเมื่อตอน เย็นก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคำทำนายของหมอดู เห็นจะเป็นหญิงคนนี้แน่เพราะ เมื่อเราเห็นเป็นครั้งแรกก็ทำให้เรามีจิตแปรปรวนแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางกลับไทยเมื่อข้ามมายังฝั่งไทยได้ขึ้นไปทางอำเภอศรี เชียงใหม่ไปพักอบรมตนอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มใหม่ ไปพักอยู่ที่พระบาทเนินกุ่มหมากเป้งณ ที่นั้นได้พบกับหลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต ซึ่งท่านได้ปลีกตัวออกจากหมู่คณะมาภาวนาอยู่บริเวณนั้น เมื่อได้พบกับอาจารย์อีก จึงดีใจมากการพักอบรมตนอยู่กับหลวงปู่มั่น ก่อนเข้าพรรษาทำให้จิตสงบลง ไม่ฟุ้งซ่านเหมือนก่อนแต่ภาพของหญิงงาม นั้นยังปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเร่งภาวนาเข้าภาพนั้นก็สงบลงหลัง จากเข้าพรรษาแล้ว ตั้งใจปรารถความเพียรอย่างเต็มที่การเร่งความเพียรใน ระยะแรก จิตที่ยังไม่มีอะไรมาวุ่นวายคงสงบตัวได้ง่ายมีอุบายทางปัญญาพอ สมควรเมื่อเร่งความเพียรหนักเข้าเอาจริงเอาจังเข้า กิเลส ก็เอาจริงเอาจังกับเราเหมือนกันคือแทนที่จิตจะดำเนินไปตามที่เราต้องการ กลับพลิกไปหานางงามที่บ้านนาสอง ฝั่งแม่น้ำงึมนั้นอีก

อุบาย"หักอาลัย"ในเนื้อคู่   ของหลวงปู่ แหวน สุจิณโณ

ทีแรกได้ พยายามปราบด้วยอุบายต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเร่งความเพียรดูเหมือนเอาเชื้อไปใส่ไฟยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีกเผลอ ไม่ได้เป็นต้องหาหญิงนั้นทันที บางครั้งมันหนีออกไปซึ่งๆ หน้าคือขณะที่ คิดอุบายการพิจารณาอยู่นั่นเอง มันก็วิ่งไปหาหญิงนั้นเอาซึ่งๆ หน้ากันทีเดียวอุบายการปฏิบัติวิชาต่างๆ ที่นำมาใช้ในการทรมานจิตในครั้งนั้น เช่นเว้นการนอนเสีย มีเฉพาะเวลานั่ง ยืน เดิน ทำอยู่เช่นนั้นหลายวันหลายคืนคอยจับดูจิตว่า มันคลายความรักในหญิงนั้นแล้วหรือยัง ปรากฏว่าไม่ได้ผลจิตยังคงวิ่งออก ไปหาหญิงงามอยู่เช่นเคย เผลอสติไม่ได้ต่อมาเพิ่มไม่นั่งไม่นอน มีแต่ยืนกับเดินทำความเพียรอยู่อย่างนี้จิตมันก็ไม่ยอม มันคงไปตามเรื่องตามราวของมันเช่นเคย

คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่เปลี่ยน เป็นอดอาหาร ไม่ฉันอาหารเลยเว้นไว้แต่น้ำ อุบายการพิจารณาก็เปลี่ยนใหม่คราว นี้เพ่งเอากายของหญิงนั้นเป็นเป้าหมายในการพิจารณาหายคลายสติโดยแยก ยกพิจารณาทีละอย่างในอาการ ๓๒ ขึ้นโดยอนุโลมปฏิโลม พิจารณาเทียบเข้ามาหากายของตนพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงว่าอวัยวะ อย่างนั้นๆ ของตนก็มี ของหญิงก็มีทำไมจะต้องไปรักไปหลง ไปคิดถึง เพ่งพิจารณาทีละส่วนๆพิจารณาอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืนทุกอริยาบทการ พิจารณาจนละเอียดอย่างไรขึ้นอยู่กับอุบายความแยบคายของปัญญาที่เกิดขึ้นใน ขณะนั้น

ตอนหนึ่งพิจารณามาถึงหนังได้ความว่า คนเราหลงอยู่ที่หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูไว้ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาส่วนที่น่าดูไม่ได้เลย เพ่งพินิจอยู่จนเห็นความเปื่อยเน่าผุพังสลายไปไม่มีส่วนไหนที่จะถือว่า เป็นของมั่นคง ในขณะนั้นจิตซึ่งเคยโลดโผน โลดแล่นไปอย่างไม่มีจุดหมายมาก่อนพลัน ก็ยอมรับตามความจริง ตามเหตุผลของปัญญายอมตัวอย่างนักโทษผู้สำนึกผิด ยอมสารภาพถึงการทำตนแต่โดยดี

ฉะนั้น นับแต่วินาทีการพิจารณาได้ยุติลง จิตยอมรับเหตุผลของปัญญาแล้วเพื่อเป็น การทดสอบว่า “จิตยอมแล้ว” จึงได้ส่งจิตออกไปหาหญิงนั้นหลายครั้งจิตคง สงบตัวไม่ยอมออกไป ความกำเริบความทรนงตัว ความโลดโผนของจิตจึงถึงความ สงบลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่กำเริบอีกต่อไปจิตคงทรงเห็นตามสภาพ ความเป็นจริงของธรรมอยู่ทุกเมื่อ "


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

รวมรวม-เรียบเรียงไว้โดย พระนาค อตฺถวโร วัดสัมพันธวงศ์ กทม.

บทความนี้ได้คัดมาจากหนังสือธรรมโอวาท หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เรียบเรียโดยคุณแจ่ม เจิดจรัส 

แชร์