จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

เรื่องของจิตใจมนุษย์ ยากแท้หยั่งถึง…คนสองคนเห็นสิ่งหนึ่งหรืออยู่เหตุการณ์เดียวกัน แต่กลับมองเห็น เข้าใจและตัดสินไม่เหมือนกัน เพราะอะไร? http://winne.ws/n21113

1.1 พัน ผู้เข้าชม
จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

เป็นเรื่องของอำมาตย์ 2 คนที่มองเห็นการถวายมหาทานของพระราชาแตกต่างกัน ที่พระองค์ทรงสละทรัพย์ 14 โกฏิ (1 โกฏิ เท่ากับ 10 ล้านบาท)หมดในวันเดียว มีของ 4 อย่าง คือ เศวตฉัตร 1 บัลลังก์สำหรับนั่ง 1 เชิงบาตร 1 ตั่งสำหรับเช็ดเท้า 1 ที่พระราชาถวายพระศาสดานั้นเป็นของสูงค่าจนไม่อาจคำนวณได้

อำมาตย์คนหนึ่งมีจิตคิดยินดี สนับสนุน มีจิตอนุโมทนา ส่วนอำมาตย์อีกคนคิดลบ คิดค้าน นึกเสียดายแทนพระราชา มองการการสร้างมหาทานเช่นนี้ไร้ประโยชน์ เป็นการกระทำที่สิ้นเปลือง…เราไปติดตามว่า ชีวิตของอำมาตย์สองท่านนี้จะเป็นอย่างไร???

จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!


อสทิสทาน ** ทานที่ไม่มีใครทำได้เหมือน **

ในสมัยหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงถวายมหาทานแด่พระศาสดาและภิกษุทั้งหลาย พวกชาวเมืองซึ่งเป็นพสกนิกรของพระราชา ต้องการแข่งขันการให้ทานกับราชา จึงได้จัดพิธีให้ทานที่ยิ่งใหญ่กว่าทานของพระราชา และทั้งสองฝ่ายได้แข่งขันถวายทานกันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดพระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีของพระราชา ได้ทรงคิดแผนการให้ทานที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ชนะทานของชาวเมือง

และพระนางก็ได้ดำเนินแผนนั้น โดยได้ทูลพระราชาให้ทรงสร้างมณฑปที่นั่งขนาดใหญ่สำหรับเป็นที่นั่งของภิกษุสงฆ์ 500 รูป กับให้ทรงสร้างเศวตฉัตร 500 คัน และตระเตรียมช้าง 500 เชือก คอยถือเศวตฉัตร 500 คันกั้นอยู่เบื้องบนศีรษะของภิกษุสงฆ์ 500 รูปนั้น ที่ตรงกลางมณฑปขนาดใหญ่นั้น ทรงให้สร้างเรือทองคำสีสุกใสไว้ 8-10 ลำ เรือแต่ละลำบรรจุไว้ด้วยของหอมที่บดโดยบรรดาเจ้าหญิงทั้งหลาย และก็ยังเตรียมเจ้าหญิงจำนวน 250 องค์ไว้คอยนั่งพัดภิกษุสงฆ์องค์ละ 2 รูป เมื่อการเตรียมการทั้งหลายสำเร็จเสร็จสิ้นตามแผนแล้ว ก็ได้มีการถวายมหาทาน มหาทานครั้งนี้มีความยิ่งใหญ่ หาทานอื่นใดเทียบมิได้ จึงเรียกชื่อว่า อสทิสทาน ซึ่งตำราบอกว่า อสทิสทานนี้มีแก่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระองค์ละครั้งเท่านั้น และเป็นทานที่มีสตรีเป็นผู้จัดแจงเพื่อถวายพระศาสดาและพระภิกษุสงฆ์

จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลมีอำมาตย์ 2 คน คนหนึ่งชื่อกาฬะ อีกคนหนึ่งชื่อชุณหะ กาฬอำมาตย์ มีความเห็นว่า การทำทานอันยิ่งใหญ่ของพระราชา ทรงใช้งบประมาณถึง 14 โกฏิ เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ พระภิกษุสงฆ์ฉันแล้วก็ไม่ทำการงานอะไร ฉันแล้วก็กลับวัดไปนอนหลับในกุฏิเท่านั้นเอง

ส่วนชุณหอำมาตย์เห็นด้วยกับมหาทานที่พระราชาทรงจัดทำในครั้งนี้ และได้กล่าวอนุโมทนาทานนี้ ในที่สุดภัตกิจของพระศาสดา พระราชาทรงรับบาตรเพื่อให้พระศาสดาตรัสอนุโมทนา พระศาสดาทรงทราบวารจิตว่า กาฬอำมาตย์ไม่เห็นด้วยกับมหาทานครั้งนี้ และหากพระองค์ทรงกล่าวอนุโมทนกถาชมเชยมหาทานยืดยาวนักก็จะไปขัดใจกาฬอำมาตย์ และจะส่งผลให้กาฬอำมาตย์โกรธ แล้วศีรษะของกาฬอำมาตย์จะต้องแตกเป็น 7 เสี่ยง และไปตกนรกได้ พระศาสดาต้องการจะอนุเคราะห์แก่กาฬอำมาตย์จึงตรัสอนุโมทนกถาแต่เพียงสั้นๆ จากนั้นได้เสด็จกลับพระเชตวัน

จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

พระราชามีพระประสงค์จะให้พระศาสดาทรงกล่าวอนุโมทนกถายาวๆ แต่เมื่อพระศาสดาทรงกล่าวอนุโมทนกถาสั้นๆ เช่นนี้ ก็มีความสงสัยว่าได้ทรงดำเนินการขาดตกบกพร่องอะไรไปหรือไม่ จึงเสด็จไปทูลถามพระศาสดา พระศาสดาตรัสกับพระราชาว่า  “มหาบพิตร พระองค์ถวายทานอันสมควรแล้วทีเดียว ก็ทานนั่น ชื่ออสทิสทาน ใครๆอาจเพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ครั้งเดียวเท่านั้น ธรรมดาทานเห็นปานนี้ เป็นของยากที่บุคคลจะถวายอีก” แต่ที่พระองค์ทรงกล่าวอนุโมทนกถาสั้นๆนั้นเพราะ “บริษัทไม่บริสุทธิ์” และได้ตรัสบอกถึงความคิดคัดค้านทานของกาฬอำมาตย์ และความคิดเห็นด้วยกับทานของชุณหอำมาตย์ให้พระราชาทรงทราบ

เมื่อพระราชาสืบสวนจนเป็นที่แน่ชัดแล้ว ก็รับสั่งให้เนรเทศกาฬอำมาตย์นั้นออกจากแว่นแคว้น และพระราชทานราชทรัพย์ให้แก่ชุณหอำมาตย์เพื่อจัดถวายทานเป็นเวลา 7 วัน กับได้ทรงมอบราชสมบัติให้ชุณหอำมาตย์ครอบครองเป็นเวลา 7 วันด้วย

จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

จากนั้นพระราชาได้กราบทูลพระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทอดพระเนตการทำของคนพาล เขาได้ให้ความลบหลู่ในทาน ที่หม่อมฉันถวายแล้ว”

พระศาสดาตรัสว่า “อย่างนั้น มหาบพิตร ขึ้นชื่อว่าพวกคนพาล ไม่ยินดีทานของผู้อื่น เป็นผู้มีทุคติเป็นที่ไป ณ เบื้องหน้า ส่วนนักปราชญ์อนุโมทนาทานแม้ของชนเหล่าอื่น จึงเป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไป ณ เบื้องหน้าโดยแท้”

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชุณหอำมาตย์ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ต่อมาชุณหอำมาตย์ ครั้นเป็นพระโสดาบันแล้ว ได้ถวายทานอย่างที่พระราชาถวายแล้วสิ้น 7 วันเหมือนกัน.

จิตพาล “คิดค้านคนทำบุญ” ระวังศีรษะแตก 7 เสี่ยง!!!

จะเห็นชัดแล้วว่า ชีวิตคนสองคนต่างกันลิบลับ จุดเริ่มต้นจากจิตใจดีหรือร้าย ใสหรือหมอง แล้วส่งผลให้คิดดี/ชั่ว คิดลบ/ บวก คิดทำร้ายหรือสร้างสรรค์  ส่งผลถึงชีวิตภาคหน้า นรก/ สวรรค์…..ดังนั้นเราต้องคอยระวังรู้ทัน รักษาจิตนี้ให้ดี อย่าให้ตกต่ำ ถอยหลัง หรือเผลอสติไปคิดเบียดเบียด คิดชั่วร้าย ขัดขวางการทำบุญ สร้างความดีของใครเข้า เพราะบอกเลย มันไม่คุ้ม ผลของการคิดชั่ว ไม่เพียงทำให้จิตใจเสียสูญเท่านั้น ยังส่งผลให้เสียสูญทรัพย์สิน/ ลาภ/ ยศ หรืออาจถึงขั้นสูญสิ้นชีวิตได้

ดังนั้น เราทุกคนควรฝึกจิตให้อยู่ภายในตัว จะบริกรรมภาวนาพุทโธ หรือสัมมาอะระหังระหว่างวันขณะทำงานหรือยามว่าง ก็ตามแต่ถนัด และการฝึกอบรมจิตที่ยิ่งขึ้นไป คือ การนั่งสมาธิให้ได้ทุกๆ วัน ปิดตาจากโลกภายนอกเพื่อเปิดใจให้เข้ามาสู่โลกภายใน แล้วเราจะค้นพบว่า ความสุขอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะความสุขแท้จริง อยู่ในตัวเรานี่เอง รวมทั้งหมั่นเข้าวัดฟังธรรม คบหาบัณฑิตคนดี  กัลยาณมิตร ชีวิตจะได้อยู่บนเส้นทางของสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูก แล้วจึงจะพูดถูก และทำถูก ชีวิตเราจะได้ปลอดภัยและมีความสุข


ที่มา http://stillnessbright.today/archives/1360

แชร์