บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแม้แต่ความมีน้ำใจและความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณคือรู้จักบุญคุณคนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนอื่น หรือแม้แต่สัตว์ http://winne.ws/n3169

1.6 พัน ผู้เข้าชม
บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง          

         การฟัง การพูด และรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง มีบทบาทสำคัญในการแสดงออก รวมทั้งความประพฤติ อุปนิสัย มีวินัยและจิตใจที่ดีงาม จะส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดี ซึ่งจะต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กๆ แต่บางอย่างอาจเกิดจากการพัฒนาตนเอง และอาศัยความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์เข้ามาแก้ไข แต่อย่างไรก็ตาม การมีบุคลิกภาพที่ดีส่วนหนึ่งจะต้องได้รับการอบรมสั่งสอนและฝึกฝนจนเป็นนิสัยจนเกิดความคล่องตัว เคยชิน และทำให้เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องเสแสร้ง

        การมีบุคลิกภาพที่ดี ทำให้คนเราสามารถเข้าสังคมได้ทุกระดับอย่างมีความสุข ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง รวมทั้งเพื่อนร่วมงานและญาติพี่น้อง

       บุคลิกภาพเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องตระหนัก ปัจจุบันมีสถาบันเปิดสอนบุคลิกภาพเป็นจำนวนมาก ความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินเรียนก็ได้ ถ้าหากเราได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี และมีการฝึกฝนด้วยตนเองจากสื่อและสังคมรอบๆ ตัว เพราะสถาบันบางแห่งที่มีชื่อเสียง ราคาแพงมากเป็นพันเป็นหมื่นถึงแสน แต่สำหรับผู้ที่จะเข้าประกวดความงามทั้งหลายก็อาจจำเป็นเพราะมีเวลาน้อยและเป็นการแข่งขันที่บางคนไม่มีพื้นฐานมาก่อน

        นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ที่กำลังจะเรียนจบเป็นบัณฑิต ก็มุ่งจะหางานทำ ดังนั้นต่างก็มุ่งหวังจะไปเข้าคอร์ส สอนหรืออบรมบุคลิกภาพซึ่งผู้ปกครองหลายคนก็สนับสนุน โดยคิดว่าจะช่วยให้หางานทำได้ง่ายขึ้น

        อย่าลืมว่าบุคลิกภาพที่ดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องฝึกพูด และฝึกท่าทางการเดินให้สง่างาม เพื่อการสมัครสอบสัมภาษณ์เท่านั้น

       บุคลิกภาพที่ดีนั้นส่วนหนึ่งมาจากการอบรมจากทางบ้านและโรงเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องใส่ใจอบรมตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานอันสำคัญที่ได้มาจากครอบครัว เช่น พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ฝึกการกราบไหว้ การมีมารยาทในการเข้าสังคม การรับประทานอาหาร และวิธีรับประทานอาหารแบบสากล การพูดควรมีสัมมาคารวะ รู้จักกาลเทศะ พูดจาไพเราะ ไม่หยาบคาย มีคำลงท้าย “คะขา” “ครับ” ให้เป็นนิสัย การรู้จักไหว้ขอบคุณ ทุกครั้งที่ได้รับสิ่งของหรือคำชม ในขณะเดียวกัน ครูผู้สอนจะต้องไม่ละเลยที่จะสอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพ 

        เป็นการเติมเต็มให้กับเด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองละเลยไม่ได้สอน ถึงแม้ว่าเด็กจะเบื่อหน่าย หรือรำคาญก็ตาม ทั้งพ่อแม่ ครูอาจารย์ จะต้องมีเทคนิคในการสอนให้เด็กเกิดภาพพจน์และทำตาม ยกตัวอย่างที่สนุกสนานเช่นเล่านิทานและไม่ตำหนิต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะเด็กจะรู้สึกอับอาย และข้อสำคัญ ถ้าสอนตอนโต เด็กจะดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง และฝึกฝนได้ยากมาก

        สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแม้แต่ความมีน้ำใจและความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณคือรู้จักบุญคุณคนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนอื่น หรือแม้แต่สัตว์

        ข้อสำคัญเด็กที่โตเป็นวัยรุ่น จะชอบท้าทายและชอบเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจึงทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไปเพราะมีค่านิยมที่ผิดๆ จากวัฒนธรรมตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาทั่วทุกสารทิศและจากสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย

        การไหว้เป็นวัฒนธรรมไทย เป็นมารยาทในการทักทาย การไหว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มีประโยชน์ที่ทำให้มีคนเมตตา รักใคร่เอ็นดู เป็นใบเบิกทางที่ดีที่สุดในการขอความช่วยเหลือทุกอย่าง การไหว้ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดว่าเป็นคนที่สมควรไหว้หรือไม่ ไม่ว่าเป็นนาย เป็นคนใช้ คนสวน เด็ก ผู้ใหญ่ ขอให้ไหว้ไว้ก่อน อย่าเป็นคนที่เรียกว่า “มือแข็ง” การไหว้มีทั้งไหว้ขอบคุณและขอโทษ

        การอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ยโส โอ้อวด หรือชอบเถียง ก็ถือว่าเป็นบุคลิกภาพที่ดี แต่ความจริงแล้ว การโอ้อวดที่ไม่เกินจริงและเป็นสิ่งที่ควรโอ้อวด จึงไม่ควรจะถ่อมตัว แต่ขอให้โอ้อวดอย่างสุภาพ ไม่ข่มคนอื่น เพราะมีดีจะอวด กลับจะเป็นผลดี

        เป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพด้วยซ้ำ ที่กล้าแสดงออกเด็กไทยควรฝึกแต่ควรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ มิฉะนั้นการถ่อมตัวเกินไป จะทำให้คนไม่รู้ความจริง อาจดูถูกดูแคลนได้ ก็น่าจะบอกให้รู้ได้ สำหรับผู้ฟังบางคนที่ชอบทับถมดูถูกคนอื่นหรือประเภทบัวใต้น้ำ การมีความสามารถและเป็นคนดี ถ้าเปิดเผยจะเป็นแบบอย่างดีของเยาวชน

บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

         นอกจากการไหว้แล้ว การเดินเหินก็ต้องให้สง่าผ่าเผย เดินตัวตรง ไม่เดินหลังงอ เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ต้องโน้มตัวลงเดินค้อมหลังหรือคลานเข่า ไม่เดินตัวตรงเฉียดใกล้ๆ ที่เรียกว่าข้ามหัวผู้ใหญ่ หรือเดินกระแทกส้นเท้าเสียงดัง มีมารยาทในการเดินกับสุภาพสตรี โดยเฉพาะคู่รัก ถ้าหากว่าเดินข้างถนน ไม่ควรเดินข้างในให้ผู้หญิงเดินข้างนอกริมถนน (ถูกรถชนก่อน) จะเสียคะแนนมาก อาจเป็นสาเหตุทำให้เลิกกันได้ถ้าทำบ่อยๆ

        มารยาทในการรับประทานก็สำคัญ ที่จะต้องสอนว่า เมื่อร่วมโต๊ะหรือร่วมงานปาร์ตี้ ไม่ควรรับประทานอาหารก่อนผู้ใหญ่หรือประธาน ซึ่งยังไม่เปิดงาน ไม่รับประทานมูมมาม เสียงดัง บางคนเรียนสูงแต่ยังมีนิสัยเคี้ยวเสียงดัง ควรรับประทานอาหารทุกอย่าง ไม่ควรรับประทานแต่อาหารที่ชอบ ควรต้องบริการคนข้างๆ ด้วย ไม่พูดขณะเคี้ยวอาหาร ไม่ตักอาหารมากจนล้น เช่น เวลาทานแบบบุฟเฟต์ (buffet) แล้วทานไม่หมด ไม่นำจานอาหารเดิมไปตักอาหารเพิ่ม ต้องเปลี่ยนจานใหม่ รู้จักใช้ช้อนส้อมมีดให้ถูกต้อง แก้วแชมเปญไม่ควรใช้แทนแก้วน้ำดื่มและไม่แย่งตักอาหารโดยเฉพาะต้องให้สุภาพสตรีตักก่อน ถ้ารับประทานที่ร้านอาหาร โดยมารยาทถ้าไม่ใช่เจ้าภาพ ไม่ควรสั่งอาหารนอกจากได้รับอนุญาตให้สั่งได้ เพราะจะทำให้เจ้าภาพสิ้นเปลืองจากงบประมาณที่ตระเตรียมไว้

        มารยาทในการฟังและการพูด ก็สำคัญมาก บางคนไม่ตั้งใจฟัง แต่ชอบพูดเวลาคนอื่นพูดยังไม่จบ ชอบพูดเสียงดังเกินควร มักพูดขัดคอ ไม่ขัดเกลาคำพูด ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่นที่เป็นผู้ฟัง ชอบพูดนอกเรื่อง ควรฟังให้จบก่อนแล้วคิดใคร่ครวญแล้วจึงพูดหรือตอบ เพราะการพูดโดยไม่คิด ช่างพูดเกินไปจะทำให้เสียบุคลิกภาพดังสุภาษิตไทยที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” การพูดโดยคิดก่อนจะทำให้มีความคิดที่เฉียบแหลม มีคำพูดที่แหลมคม ทำให้เกิดประโยชน์กับตน ทำให้คนฟังเอ็นดูรักใคร่ และเกิดผลประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น การได้รับความชื่นชมในผลงานและมอบหมายงานดีๆ ให้ทำก่อนคนอื่นโดยเฉพาะทางด้านธุรกิจ

        การรู้จักค้นคว้าและจดจำคำพูดดี ๆ มาใช้ มีอารมณ์ขัน จะทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ เช่น ในการพูดอวยพร การเป็นประธานในพิธี การอภิปราย การโต้วาที ฯลฯ นอกจากนั้นการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์เป็นการรักษาอารมณ์ให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ใจร้อนจะทำให้มีชัยชนะทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เสียผลประโยชน์ เป็นการทำให้รักษาสุขภาพและชีวิตของตนเองและคนอื่นได้ด้วย ทุกวันนี้เกิดเรื่องร้าย ๆ ก็เนื่องมาจากการไม่รู้จักระงับอารมณ์นั่นเอง การที่ผู้ใหญ่สอนให้นับ 1-10 ก็เพื่อทำให้คลายความโกรธ ถ้านับแล้วยังไม่หายก็นับต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องฝึกจิตใจตนเองตลอดเวลา ควรยึดพระธรรมคำสอนและมีเมตตากรุณาซึ่งไม่ต้องไปซื้อหาเพราะมันอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว

        คู่ต่อสู้ที่รู้จุดอ่อนของฝ่ายตรงกันข้ามจะนำจุดนี้มายั่วยุเพื่อให้สามารถกำชัยชนะได้ง่ายดายทำให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำเสียบุคลิกและเสียการงานโดยเฉพาะการสอบสัมภาษณ์ถ้าสุขุมนุ่มนวลมีมธุรสวาจาที่จริงใจจะทำให้มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกมากกว่าคนอื่น

        การสักลายก็เช่นเดียวกันอาจจะเหมาะกับบางอาชีพ และการดำเนินชีวิตของแต่ละคน เช่น ดารา นักร้อง หรือเป็นพวกอาชญากร แค่ขอให้คิดดูให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะแก้ไขยากและราคาแพง สังคมไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ โดยเฉพาะการสมัครเข้ารับราชการ หรือหน่วยงานเอกชนบางแห่ง จะไม่ยอมรับคนสักลายเป็นอันขาด เพราะคิดว่าเป็นคนเถื่อนหรือเป็นนักเลง ถ้าติดต่อกับประชาชนจะทำให้น่ากลัว

        บางคนคิดว่าโก้เก๋ เพราะรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมา หลังจากที่เล่าเรียนมา แล้วนำมาเผยแพร่ในกลุ่มไฮโซหรือพวกลูกคนรวย ซึ่งเป็นความคิดที่แผลงๆ ขายได้ในสังคมกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่เชื่อว่าเป็นศิลปะบนเรือนร่าง

        เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะการสักเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในอดีต ที่มีความเชื่อว่าทำให้ขลังตีรันฟันแทงไม่เข้าและนิยมสักกันมากทั้งชายและหญิง ต่อมาบางประเทศจึงต้องประกาศห้ามสัก เพราะป่าเถื่อนและเจ็บปวดมากสำหรับผู้หญิง อายุ 17-18 ปี ที่ต้องถูกบังคับให้สัก มิฉะนั้นจะไม่มีผู้ชายมาสู่ขอแต่งงานและจะถูกขับออกจากเผ่า สำหรับชายไทยในอดีตก็นิยมสักกันมากเช่นเดียวกัน และลามมาถึงปัจจุบันในกลุ่มของอาชีพที่ต้องการความขลังเพื่อประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมายหรือไม่ผิดกฎหมายแค่ต้องการความมีชื่อเสียงและความร่ำรวยหรือเพราะคิดว่าสวยงาม

บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

         สำหรับการนิยมไปเสริมสวยทำศัลยกรรมให้สวย เพราะคิดว่าถ้าสวยแล้ว จะทำให้การสมัครเข้าทำงานง่ายขึ้น ก็ขอให้ใช้ความคิดสักหน่อย (บางหน่วยงานอาจเน้นความสวยก็เป็นไปได้) การเสริมสวยให้บุคลิกดีนั้น อาจทำได้ถ้าหน้าตาแย่มาก ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพได้ ถ้าจำเป็นควรทำให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายและค่าเล่าเรียนที่กำลังขาดแคลนอยู่ (สำหรับนักศึกษา) การเสริมสวยหรือการแก้ไขความพิการที่ควรทำ ได้แก่ ฟันเก คางยื่น จมูกแบนมาก ตาเข หนังตาหย่อน และมีรอยตีนกา เป็นต้น

        สมองและการเรียนเก่งเท่านั้นแหละคือเคล็ดลับที่จะช่วยให้บุคลิกดี สำหรับการทำศัลยกรรมให้สวยก็อาจเหมาะกับอาชีพบางอาชีพ เช่น ดารา นักร้อง นางแบบ พริตตี้ ที่จำเป็นต้องขายรูปร่างหน้าตา (บางคนเป็นพริตตี้ต้องจ่ายค่าเสริมสวยอย่างต่ำประมาณสองแสนบาท) แต่อาชีพเหล่านี้จะไม่ยั่งยืน แถมจะเสียเงินเพราะต้องทำเป็นประจำและบางคนร่างกายไม่รับสิ่งแปลกปลอมอาจพิการหรือเสียชีวิตได้ ซึ่งมีมากแต่สื่อไม่ได้ออกข่าว 

        ข้อสำคัญต้องระมัดระวังอย่าไปทำกับหมอเถื่อนซึ่งราคาถูกและเป็นยาที่ อย.ยังไม่รับรอง ควรทำกับแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เรียนเกี่ยวกับศัลยกรรมเสริมสวยมาโดยตรงซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี ตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ แพทย์บางคนอาจไม่ได้เรียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาเพียงแต่ได้รับประกาศนียบัตรเท่านั้น ไม่ต้องเดินทางไปทำต่างประเทศ เพราะแพทย์ไทยเก่งที่สุด ขอให้เข้าใจด้วยและขอให้หาข้อมูลก่อนทำอย่าเห็นแก่ของถูก

ปัจจุบันมีโฆษณาเกินความจริงทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และใช้ศัพท์ทางการแพทย์ผิด ๆ เพราะไม่เข้าใจ คิดว่าถ้าใช้ศัพท์นี้จะเรียกความสนใจได้มากกว่า ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่แพทย์ แต่อย่างไรก็ตามการโฆษณาชวนเชื่อก็มีอิทธิพลที่ทำให้คนหลงผิดได้ง่าย อย่าลืมว่าบุคลิกภาพมิใช่สวยอย่างเดียว

        การสอบสัมภาษณ์นั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึง ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อตอบคำถาม ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่หน้าตา ท่าทางเดินอย่างเดียว จะต้องแต่งกายให้สุภาพ ไม่สวมแว่นตาดำ ไม่พับแขนเสื้อ ถ้าเป็นเสื้อแขนยาว การแต่งกายสำคัญมากแม้แต่การไปติดต่อสถานที่ราชการไม่ควรนุ่งกางเกงขาสั้นหรือกางเกงขาดที่เป็นกางเกงยีนส์และใส่รองเท้าแตะ      

บุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

        การพูดจาโต้ตอบอย่างสุภาพอ่อนน้อม เสียงดังฟังชัด ไม่ทับถมคู่ต่อสู้ มีไหวพริบ ข้อมูลถูกต้อง ฯลฯ รู้จักไปลามาไหว้ การรู้จักยกเก้าอี้หรือเลื่อนเก้าอี้ ไม่ลากเมื่อลากลับเป็นสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์สังเกตและให้คะแนนเพิ่ม

        การไม่สูบบุหรี่ก็สำคัญ ปัจจุบันหลายหน่วยงานประกาศไม่รับคนสูบบุหรี่เข้าทำงาน สำหรับคนที่สูบบุหรี่เสียบุคลิกมาก ขณะนี้ประเทศไทยคนสูบบุหรี่ลดน้อยลงมากเป็นการรณรงค์ที่ได้ผล มีหลายประเทศที่เริ่มรณรงค์แต่ไม่ค่อยได้ผลมาก เช่นประเทศจีน สมัยก่อนนิยมสูบกันมากทั้งหญิงและชายโดยเฉพาะผู้ที่เรียนมาจากประเทศแถบตะวันตก คิดว่าโก้ แม้แต่นวนิยายสมัยก่อน พระเอกหรือนางเอกสูบบุหรี่กันทั้งนั้น แต่ปัจจุบันถ้าพระเอกนางเอกสูบบุหรี่คงจะเชยมาก ถ้าสูบบุหรี่ควรสูบในสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ ไม่ควรสูบในบ้านหรือที่ทำงาน เพราะเป็นพิษภัยต่อคนรอบข้าง ขณะนี้สิทธิสตรีเริ่มมีบทบาท สตรีได้รวมกลุ่มกันเรียกร้องไม่ให้พ่อบ้านและชายไทยทั้งหลายสูบบุหรี่ในบ้าน

        จำได้ว่าตอนที่เรียนครุศาสตร์จุฬาฯ เมื่อ 40-50 ปีก่อนออกฝึกสอน อาจารย์จะแนะนำการแต่งกายให้เหมาะสมกับการเป็นครูฝึกสอน ต้องแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย กระโปรงไม่สั้น ต้องใส่รองเท้าส้นสูงเล็กน้อย ให้เดินสง่างาม อาจถือกระเป๋าเพื่อให้ดูดี แต่งหน้าและทำผมให้เหมาะสม การพูด การฟัง การแต่งกาย การมีบทบาทและการเตรียมตัวก่อนพูดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง (ถ้าเป็นพิธีกร) จะช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดี ทำให้คนดู คนฟังชื่นชอบจะช่วยให้อยู่ในวงการได้นานและอยู่อย่างมีความสุข

         อย่างไรก็ตามการสมัครงานก็ยังมีความจำเป็นจะต้องเตรียมตัว ไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปเรียนโรงเรียนหรือสถาบันฝึกบุคลิกภาพหรือฝึกพูดถ้ามีเงินมากก็ไม่เป็นไร ควรอ่านหนังสือ ดูวีดิทัศน์ฝึกพูด ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดความอ้วน ถ้าอ้วนมากก็เป็นสิ่งสำคัญต้องลดเพราะบางแห่งถึงแม้ว่าจะเก่งแต่ถ้าอ้วนมากก็เสียบุคลิกเหมือนกันอาจตกงานได้ ฝึกพูดหน้ากระจกเงา เคยเห็นบางคนฝึกด่าหน้ากระจกเงาเพราะด่าไม่เก่งก่อนออกไปต่อกร แต่ไม่ควรทำตาม เพราะไม่สร้างสรรค์ ไม่ประเทืองปัญญา มีแต่จะเสียบุคลิกภาพ อย่าลืมว่าบุคลิกภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง


เรียบเรียงโดย รศ.ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์  มติชนออนไลน์ 6 พ.ค.2559

ขอบคุณภาพจาก www.google.com

แชร์