"ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำหรือบินในอากาศ แต่คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
ชีวิตเราเต็มไปด้วยเรื่อง "ธรรมดา" เช่น ตื่นมา อาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถไปทำงาน กินอาหารเที่ยงกับเพื่อนในที่เดิม ๆ เพราะสิ่งธรรมดา ๆ แท้จริงแล้วคือ สิ่งที่พิเศษที่สุดแล้ว สำหรับมนุษย์อย่างเรา http://winne.ws/n11801
สิ่งธรรมดา...คือสิ่งที่พิเศษ
ท่าน ติช นัท ฮันท์ พูดเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ "ขอบคุณสรรพสิ่ง"
"ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดิน และมีความสุขในทุกย่างก้าว"
ชีวิตเราเต็มไปด้วยเรื่อง "ธรรมดา" เช่น ตื่นมา อาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถไปทำงาน กินอาหารเที่ยงกับเพื่อนในที่เดิม ๆ
ตอนเย็นกลับมาก็เห็นหน้าภรรยาหรือสามีคนเดิม ๆ ใส่ชุดธรรมดา ๆ หน้าตาเราหรือก็ธรรมดา ๆ เราส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นคนธรรมดา ๆ มีชีวิตธรรมดา ๆ กันทั้งนั้น
แต่ถ้าความ "ธรรมดา" นี้หมดไปล่ะ เช่น อยู่ดี ๆ ลูกเราเกิดเป็นมะเร็ง ไปมีเรื่องนอกบ้าน ติดยา คบเพื่อนไม่ดี
หรือสามีเราตายไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หรือเราถูกไล่ออกจากงาน... เรื่องก็จะ "ไม่ธรรมดา" ไปในทันที และในเวลานั้นเอง เราจะหวนมาคิดเสียดายความ "ธรรมดา" จนใจแทบจะขาด...
ให้เรารีบชื่นชมกับความ "ธรรมดา" ที่เรามี และใช้ชีวิตประหนึ่งว่า สิ่งนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของ จักรวาล
เพราะสิ่งธรรมดา ๆ แท้จริงแล้วคือ สิ่งที่พิเศษที่สุดแล้ว สำหรับมนุษย์อย่างเรา
พระภิกษุทิก เญิ้ต หั่ญ (เวียดนาม: Thích Nhất Hạnh)
เป็นพระภิกษุชาวเวียดนามในพุทธศาสนานิกายเซน ชื่อทิก เญิ้ต หั่ญ เป็นฉายาในทางศาสนา โดยคำว่า "ทิก" เป็นคำใช้เรียกพระ ส่วน"เญิ้ต หั่ญ" เป็นนามทางธรรมที่มีความหมายว่า "การกระทำเพียงหนึ่ง(One Action)" ท่านเป็นพระมหาเถระนิกายเซนกวี และผู้สนับสนุนในเรื่องสันติภาพ มีงานเขียนเผยแผ่ตีพิมพ์ภาษาต่าง ๆ มากมาย และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปฏิบัติธรรมชาวตะวันตก
ทิก เญิ้ต หั่ญ เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดกว๋างจิ ในภาคกลางของประเทศเวียดนาม ท่านมีชื่อเดิมว่า เหงียน ซวน เบ๋า ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดตื่อฮิ้ว เมื่อ พ.ศ. 2485 ขณะมีอายุได้ 16 ปี และได้อุปสมบทเป็นพระในเวลาต่อมา ช่วงแรกที่อยู่ในเวียดนามท่านได้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาด้วยการเขียนบทความ แต่กลับได้รับการต่อต้านจากผู้นำองค์กรชาวพุทธและรัฐบาลเป็นอย่างมาก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2505ท่านได้รับทุนไปศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ณ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐอเมริกา ท่านได้ศึกษาที่นั่นเป็นเวลา 1 ปี แม้จะได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียต่อ แต่ท่านก็ตัดสินใจเดินทางกลับเวียดนาม เพื่อก่อตั้ง โรงเรียนยุวชนรับใช้สังคมและทำงานด้านความร่วมมือระหว่างพระพุทธศาสนานิกายมหายานและเถรวาทในเวียดนาม ท่านพยายามสอนแนวคิดเรื่องพระพุทธศาสนาเพื่อการรับใช้สังคมเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากสงคราม ท่านพยายามพัฒนาวงการสงฆ์ด้วยการสอนและเขียนในสถาบันพระพุทธศาสนาชั้นสูง ภารกิจที่สำคัญของท่านคือ ก่อตั้ง"คณะเทียบหิน" ในปี พ.ศ. 2509
ในปี พ.ศ. 2510 มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ได้เสนอชื่อของท่านให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยกล่าวว่า"ข้าพเจ้าไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัวอีกที่จะมีคุณค่าพอสำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นอกเหนือไปจากพระผู้มีเมตตาจากเวียดนามผู้นี้"
แต่การรณรงค์เพื่อหยุดการสนับสนุนสงครามของท่านทำให้รัฐบาลเวียดนามที่ถึงแม้จะรวมประเทศได้แล้วก็ตาม ไม่ยอมรับท่าน และปฏิเสธการเข้าประเทศของท่าน ทำให้ท่านต้องลี้ภัยอย่างเป็นทางการที่ประเทศฝรั่งเศสและก่อตั้ง "หมู่บ้านพลัม" เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชุมชนสงฆ์ของท่าน ที่เมืองบอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2525 ในระยะแรกเป็นแหล่งพักพิงของผู้ลี้ภัยก่อนจะเริ่มมีนักบวชตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531
หมู่บ้านพลัม ปัจจุบันได้จัดการอบรมภาวนาเกี่ยวกับการเจริญสติทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือให้แก่บุคคลทั่วไป ปัจจุบันมีนักบวชกว่าห้าร้อยคนจากกว่ายี่สิบประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในหมู่บ้านพลัม และที่อื่นๆได้แก่ GreenMountain Dharma Center รัฐเวอร์มอนต์ และ Deer Park Monastery รัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกา และที่วัดบัทหงาเมืองบ๋าวหลอบ และ วัดตื่อฮิ้ว เมืองเว้ ประเทศเวียดนาม
ท่านทิก เญิ้ต หั่ญ ได้จัดตั้ง"หมู่บ้านพลัม" (Plum Village) ขึ้น ณประเทศฝรั่งเศส อันเป็นชุมชนแบบอย่าง การปฏิบัติธรรมแห่งพุทธบริษัท 4ที่เน้นการเจริญสติในชีวิตประจำวันอย่างตระหนักรู้ในแต่ละลมหายใจเข้าออก และกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ในชุมชนปฏิบัติธรรมแห่งหมู่บ้านพลัม มีทั้งสิ้น 12 แห่ง อยู่ในประเทศฝรั่งเศส อเมริกา เยอรมัน และเวียดนาม นอกจากนี้มีกลุ่มปฏิบัติธรรมตามแนวทางของท่านทิกเญิ้ต หั่ญ (สังฆะ) กระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลกเกือบหนึ่งพันกลุ่ม
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=trees&group=7