คบคนพาลปิดหนทางพระนิพพาน... เมื่อพ่อแม่รังแกฉัน!

...เศรษฐีเมื่อเก็บสะสมเงินไว้ให้ลูกแล้ว นึกว่าเรารักลูกอุตส่าห์ทำงานหาเงินขนาดนี้ลูกคงสบายแล้ว ไม่ต้องไม่ร่ำเรียนเขียนอ่านอะไร ให้ขับร้องฟ้อนรำทำเพลงก็พอเพื่อให้ลูกมีความสุข ให้ความสะดวกสบายทุกอย่าง...เพียงพอหรือ...อะไรคือคำตอบ!!! http://winne.ws/n12878

1.0 พัน ผู้เข้าชม
คบคนพาลปิดหนทางพระนิพพาน... เมื่อพ่อแม่รังแกฉัน!แหล่งภาพจาก www.bloggang.com

กรณีศึกษา "เศรษฐีแห่งกรุงพาราณสี"

        ...ครั้งพุทธกาล ณ กรุงพาราณสี มีเศรษฐีคนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียว เศรษฐีตั้งใจทำงานหาเงินหาทองให้ลูก เก็บทรัพย์ได้ถึง 80 โกฏิกหาปนะ 

ค่าของเงินสมัยนั้นเปรียบเทียบกับปัจจุบันมากแค่ไหนลูงคิดดู

1 กหาปนะ          =          4 บาท

1 โกฏิ                 =          10 ล้าน

80โกฏิกหาปนะ = 800 ล้านกหาปนะ

รวมเป็นเงิน 800 x4 บาท = 3,200 ล้านบาท( ค่าเงินในอดีตเทียบค่าเงินในปัจจุบันเพิ่มอีกหลายสิบเท่า )

         ...เศรษฐีเมื่อเก็บสะสมเงินไว้ให้ลูกแล้ว นึกว่าเรารักลูกอุตส่าห์ทำงานหาเงินขนาดนี้ลูกคงสบายแล้ว ไม่ต้องไม่ร่ำเรียนเขียนอ่านอะไร ให้ขับร้องฟ้อนรำทำเพลงก็พอเพื่อให้ลูกมีความสุข ให้ความสะดวกสบายทุกอย่าง ในขณะเดียวกันมีตระกูลเศรษฐีอีกครอบครัวหนึ่งมีลูกสาว คิดแบบเดียวกันเก็บเงินไว้ได้ 80 โกฏิเหมือนกัน จึงให้ลูกชายลูกสาว 2 คนแต่งงานกัน พอแต่งงานเสร็จเศรษฐีทั้ง 2 ตระกูลก็ละโลกนี้ไป เท่ากับว่า 2 สามีภรรยากลายเป็นเศรษฐีหนุ่มกับเศรษฐีสาว มีทรัพย์รวมกันตั้ง 160 โกฏิกหาปนะ สมัยนั้น เท่ากับ 6,400ล้านบาท ซึ่งก็นับหลายหมื่นล้านในสมัยนี้

         ...ต่อมาไปหลงกลคนที่มาปอกลอก ชวนไปกินเหล้าหลงมัวเมาในอบายมุข ใช้จ่ายทรัพย์ที่พ่อแม่หามาจนค่อย ๆ หมดไป อายุมากขึ้นก็ขายคฤหาสน์ ขายเรือกสวนไร่นาหมด จนกระทั่งไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอาหารจะกิน ต้องถือกะลาไปขอทาน

          ...วันหนึ่ง พากันมายืนอยู่หน้าโรงฉัน คอยแบ่งเศษอาหารจากพระภิกษุ พระพุทธเจ้าเห็นแล้วก็แย้มพระโอษฐ์ ปกติพระพุทธเจ้าจะไม่หัวเราะ มีอะไรขึ้นมาพระองค์จะแย้มพระโอษฐ์ แสงมากระทบพระเขี้ยวแก้วเป็นประกายขึ้นมา พระอานนท์ตามเสด็จจะรู้ว่ามีเหตุเกิดขึ้น จึงกราบทูลถามพระองค์ว่า เกิดอะไรขึ้นหรือพระเจ้าข้า พระองค์จึงเล่าให้ฟังถึงสามีภรรยาคู่นี้ว่า

           ...ถ้าหากทั้งสองคน ช่วยกันขวนขวายทำการงานในช่วงปฐมวัย ต่อจากพ่อแม่ตนที่เสียชีวิตไปแล้ว จะกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมือง ถ้าหากออกบวชฝ่ายชายจะได้เป็นพระอรหันต์ ฝ่ายหญิงจะได้เป็นพระอนาคามี

            ...ถ้าเกิดขยันตอนมัชฌิมวัย อายุประมาณ 40 ปีเศษ กลับตัวกลับใจได้ จะกลายเป็นมหาเศษฐีอันดับ 2 ของเมือง ถ้าหากออกบวช ฝ่ายชายจะได้เป็นพระอนาคามี ฝ่ายหญิงจะได้เป็นพระสกิทาคามี

            ...ยังเพลิดเพลินต่อไปอีก มาขยันตอนอายุใกล้ 60 ปี ปัจฉิมวัย จะได้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของเมือง ถ้าหากออกบวช ฝ่ายชายจะได้เป็นพระ สกิทาคามี ฝ่ายหญิงจะได้เป็นพระโสดาบัน

            ...แต่ตอนนี้ทั้งคู่ต่างตั้งอยู่ในความประมาท จนกระทั่งล่วงกาลผ่านวัย จึงต้องถือกะลามาขออาหารเลี้ยงชีพเช่นนี้

             ...ลองคิดดูว่า พ่อแม่อุตส่าห์ทำงานเหนื่อยยากเพื่อให้ลูกมีทรัพย์ไว้เลี้ยงชีพ แล้วลูกเป็นคนไม่ดี ถามว่าได้อะไร ในทางตรงข้ามไม่จำเป็นต้องเหลือทรัพย์ถึงฝ่ายละ 80 โกฏิหรอก เหลือเพียงโกฏิเดียวก็พอแล้ว แต่ได้ลูกเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ ขวนขวายในการทำงาน จะสามารถสร้างทรัพย์จากโกฏิหนึ่งเป็น 80 โกฏิได้เอง แต่ถ้าเลี้ยงลูกไม่ดี ให้สบายทุกอย่าง คิดไม่เป็น เอาเวลาทั้งชีวิตไปหาเงินเตรียมไว้ให้ลูก ท้ายสุดกลับไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ลูกและเงินที่ออมไว้

             ...ประเด็นสำคัญ พ่อแม่บางคนรักลูกมาก แต่รักผิดวิธี รักลูกแล้วไปโอ๋ลูก คือรักกับโอ๋ไม่เหมือนกัน ถ้ารักจะต้องไม่เอาใจทุกอย่าง เช่น พอลูกเล่นของเล่นเสร็จทิ้งไว้เกลื่อนกลาด พ่อแม่ก็ตามเก็บหรือให้แม่บ้านไล่ตามเก็บ อย่างนี้ผิดวิธี ที่จริงต้องฝึกให้ลูกรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บของเข้าที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ลูกเริ่มโตหน่อยให้จัดพับเก็บที่นอน หัดช่วยงานบ้าน ซักผ้า ถูบ้าน เลี้ยงน้อง

ขอขอบคุณ "บทความธรรมะ" จาก...http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=8424

แชร์