ก่อนปรินิพพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?

ก่อนปรินิพพาน 7 วัน พระสารีบุตรปรารภถึงมารดาว่า มารดาของอาตมานี้ ได้เป็นมารดาของพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ แม้อย่างนั้นแล้ว มารดาก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็อุปนิสัยในมรรคผลจะพึงมีแก่มารดาบ้างหรือไม่หนอ ? ก็เห็นชัดว่า http://winne.ws/n13085

3.1 พัน ผู้เข้าชม
ก่อนปรินิพพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?แหล่งภาพจาก YouTube

ก่อนปรินิพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?

           ฝ่ายพระสารีบุตรเถระถวายวัตรแก่พระบรมศาสดาแล้ว ถวายบังคมลาไปที่พักในทิวาวิหาร ขึ้นบัลลังก์สมาธิ          

           เข้าสู่วิมุตติผลสมาบัติ ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว พิจารณาดูอายุสังขารตน ก็ทราบชัดว่า ยังดำรงชนมายุอยู่ได้อีก ๗ วันเท่านั้น จึงได้ดำริต่อไปว่า อาตมาจะไปปรินิพพานในสถานที่ใด พระราหุลเถระก็ไปปรินิพพานที่ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ในดาวดึงส์เทวโลก พระอัญญาโกญทัญญเถระ ก็ไปปรินิพพานที่ฉัตทันตะสระ ในหิมวันตประเทศ..

         ต่อนั้น พระเถระเจ้าปรารภถึงมารดาว่า มารดาของอาตมานี้ ได้เป็นมารดาของพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ แม้อย่างนั้นแล้ว มารดาก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ก็อุปนิสัยในมรรคผลจะพึงมีแก่มารดาบ้างหรือไม่หนอ ? ครั้นพระเถระเจ้าพิจารณาไป ก็ทราบชัดว่า มารดามีนิสัยแห่งพระโสดาบัน ด้วยธรรมเทศนาของอาตมา มหาชนเป็นอันมาก จะได้พลอยมีส่วนได้มรรคผลด้วย ควรอาตมาจะไปปรินิพพานที่เรือนมารดาเถิด ครั้นดำริแล้ว พระเถระเจ้าจึงเรียกพระจุนทะเถระ ผู้เป็นน้องชายมาสั่งว่า “จุนทะ เรามาไปเยี่ยมมารดากันเถิด ท่านจงออกไปบอกภิกษุบริษัททั้ง ๕๐๐ ว่า พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร มีความประสงค์จะไปบ้านนาลันทคาม “ พระจุนทะรับพระบัญชาพระเถระเจ้าแล้ว ออกไปแจ้งแก่พระสงฆ์ทั้งปวง           

        ครั้นพระสงฆ์ทั้งหลายมาพร้อมกันแล้ว พระสารีบุตรก็พาพระสงฆ์ทั้งปวง ไปเฝ้าพระบรมศาสดายังพระคันธกุฏี กราบทูลว่า           

        “ข้าแต่พระองค์ ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม บัดนี้ ชีวิตของข้าพระองค์เหลือ ๗ วันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ข้าพระองค์ขอถวายบังคมลาปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า            

        “สารีบุตร เธอจะไปปรินิพพาน ณ ที่ใด ข้าพระองค์จะไปปรินิพพาน ณ ห้องประสูติ ในเคหะสถานของมารดา พระเจ้าข้า สารีบุตร เธอจงกำหนดกาลนั้นโดยควรเถิด “           

        แล้วทรงรับสั่งต่อไปอีกว่า “ สารีบุตร บรรดาภิกษุทั้งหลายชั้นน้อง ๆ จะเห็นพี่เหมือนอย่างเธอ หาได้ยาก ฉะนั้นเธอจงแสดงธรรมแก่ภิกษุน้อง ๆ ของเธอ เพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกสำหรับครั้งนี้ก่อนเถิด”           

        เมื่อพระเถระเจ้าได้รับประทานโอกาสเช่นนั้น จึงสำแดงปาฏิหาริย์ เหาะขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณชั่วลำตาล กลับลงมาถวายนมัสการพระบรมศาสดาเสียครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองเหาะขึ้นไปสูงได้ ๒ ชั่วลำตาล กลับลงมาถวายนมัสการอีกหนึ่งครั้ง ครั้งที่ ๓ เหาะขึ้นไปถึง ๓ ชั่วลำตาล จนถึงครั้งที่ ๗ เหาะขึ้นไป ๗ ชั่วลำตาล ลอยอยู่บนอากาศ แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายในท่ามกลางอากาศ 

       ขณะนั้น ชาวพระนครสาวัตถีได้มาสโมสรสันนิบาตอยู่เป็นอันมาก แล้วพระเถระเจ้าก็ลงมาจากอากาศ ถวายอภิวาทบังคมลาคลานคล้อยถอยออกมาจากพระคันธกุฏี            

        ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระมหากรุณา เสด็จลุกจากพระพุทธอาสน์ออกมาส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรถึงหน้าพระคันธกุฏี ประทับยืนอยู่ที่พื้นแก้วมณี หน้าพระคันธกุฏีนั้น           พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ทำประทักษิณพระบรมศาสดา ๓ รอบ แล้วประคองอัญชลีกราบทูลว่า   “ในที่สุดอสงไขยแสนกัลป์ล่วงมาแล้วนั้น ข้าพระองค์ได้หมอบลงแทบบาทมูลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอโนมทัสสี ตั้งปณิธานปรารถนาพบพระองค์ และแล้วมโนรถของข้าพระองค์ ก็พลันได้สำเร็จสมประสงค์ ตั้งแต่ได้เห็นพระองค์เป็นปฐมทัศนะ บัดนี้ เป็นปัจฉิมทัศนะแห่งการได้เห็นพระองค์ ผู้เป็นนาถะของข้าพระองค์แล้ว “           

        ทูลเพียงเท่านั้นแล้วก็ประนมหัตถ์ถอยหลังบังคมลาออกไป พอควรแล้ว ก็ถวายนมัสการกราบลาลงที่พื้นพสุธา บ่ายหน้าออกไปจากพระเชตวนาราม ..พระผู้มีพระภาคตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ ภิกษุทั้งหลาย เธอจะตามไปส่งพี่ใหญ่ของเธอ ก็ตามใจเถิด ..

          ภิกษุทั้งหลายได้พากันไปส่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเป็นอันมาก ครั้นถึงซุ้มประตูพระเชตวนาราม พระเถระเจ้าจึงกล่าวห้ามว่า “ ท่านทั้งหลาย จงหยุดแต่เพียงนี้เถิด “ พร้อมกับได้ให้โอวาท ด้วยวาจาที่นิ่มนวล ควรดื่มไว้ในใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทเป็นนิรันดร แล้วพาภิกษุผู้เป็นบริวารพ้นจากเชตวนาราม มุ่งหน้าไปบ้านนาลันทคาม           

        ในครั้งนั้น ชนทั้งหลายร้องไห้ รำพัน ด้วยความอาลัยในพระเถระเจ้า ติดตามไปเป็นอันมาก พระเถระเจ้าได้ให้โอวาท ให้เห็นความไม่จีรังของสังขารทั้งหลาย พร้อมกับเตือนใจให้มั่นอยู่ในความไม่ประมาทในอริยธรรมแล้วให้ชนเหล่านั้นพากันกลับไปสิ้น พระเถระเจ้าเดินทางไป ๗ วัน ก็ถึงบ้านนาลันทคาม แคว้นมคธรัฐ ในเวลาเย็น จึงพาภิกษุทั้งหลายพักอยู่ที่ร่มไทรใหญ่ใกล้ประตูบ้าน      

ก่อนปรินิพพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?แหล่งภาพจาก YouTube

          บังเอิญอุปเรวัตตมานพ หลานชายของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเดินเที่ยวออกมานอกบ้าน เห็นพระเถระเจ้าเข้าก็ดีใจเข้าไปนมัสการ พระเถระเจ้าถามว่า “อุปเรวัตต ยายของเธออยู่หรือไปไหน ? “ “ อยู่ที่เรือน เจ้าข้า “ อุปเรวัตตเรียนพระเถระเจ้าด้วยเคารพ “ ถ้าเช่นนั้น เธอจงกลับเข้าไปบอกยาย ขอห้องที่ประสูติให้ลุงพัก กับขอให้จัดที่สำหรับพระสงฆ์ ๕๐๐ ที่มานี้พอได้พักอาศัยในวันนี้ด้วย “         

         อุปเรวัตตมานพรีบกลับเข้าบ้าน ตรงเข้าไปหานางสารีพราหมณี ผู้เป็นยายด้วยความดีใจ บอกตามคำที่พระเถระเจ้าสั่งมา ”เวลานี้ลุงของเจ้าอยู่ที่ไหน ? “ “ อยู่ที่ประตูบ้านจ้า ยาย “           “ เจ้ารู้ไหมว่า ลุงเจ้ามาทำไม ? “ “ ไม่ทราบจ้า"         

        นางสารีพราหมณีคิดว่า “ อุปดิส ลูกเรา ขอพักที่ห้องประสูติ เธอบวชมานานแล้ว ชะรอยจะเบื่อบวช มาคราวนี้อาจมาสึกก็ได้ “ คิดแล้วก็ดีใจ สั่งให้คนใช้รีบจัดแจงห้องประสูติแลที่พระสงฆ์ ๕๐๐ พอได้พักอาศัยภายในบ้าน แล้วให้อุปเรวัตตมานพออกไปอาราธนาพระเถระเจ้าให้เข้ามาสู่เรือน 

        พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร พาพระสงฆ์ขึ้นเรือนมารดา ให้พระสงฆ์ทั้งหลายพักอาศัยอยู่ยังที่จัดแจงไว้ภายนอก ส่วนพระเถระเจ้าเข้าไปพักยังภายในห้องประสูตของท่าน พอเวลาค่ำ โรคาพาธกล้าได้เกิดแก่พระมหาเถระ ถึงอาเจียนเป็นโลหิต พระภิกษุเข้าถวายปฏิบัติ นำภาชนะอาเจียนและภาชนะอาจมออกมาชำระผลัดเปลี่ยนอยู่เนือง ๆ นางสารีพราหมณีเป็นทุกข์ใจในการอาพาธของพระมหาเถระเจ้าเป็นอันมาก นั่งคอยดูอยู่ที่ประตูห้อง..           

        ในค่ำคืนนั้น เทพดาในเทวโลกได้พากันมาเยี่ยมพระเถระเจ้าเป็นอันมาก เริ่มต้นแต่ ท้าวโลกบาลทั้ง ๔ องค์ ท้าวโกสีย์เทวราช ท้าวสุยามเทวราช และท้าวสันตุสิตเทวราช ตลอดท้าวมหาพรม ต่างเข้ามาขอโอกาสปฏิบัติพยาบาลเช่นเดียวกันโดยลำดับ พระเถระเจ้าให้คำตอบแก่เทพดาทั้งหลายว่า  “ ภิกษุคิลานุปัฏฐาก ผู้ปฏิบัติพยาบาลของอาตมามีแล้ว           ขอให้ท่านกลับไปเถิด..           

ก่อนปรินิพพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?แหล่วงภาพจาก dmc

  ฝ่ายนางสารีพราหมณี เห็นเทวดามาไม่ขาดสาย แต่ละองค์ล้วนมีรัศมีโอภาสงามยิ่งนัก เพียบพร้อมด้วยทิพยรัตน์สรรพาภรณ์ล้ำค่าทั้งสิ้น ต่างเข้าไปหาพระเถระเจ้า ด้วยอาการคารวะเป็นอันดี มีความสงสัยเทพดานั้นคือใคร มาธุระอันใดหนอ ? จึงเข้าไปถามอาการไข้กะพระจุนทะเถระ บุตรชายคนน้อยว่า “ พ่อจุนทะ อาการไข้ของอุปดิสพี่ชายของพ่อ เป็นอย่างไรบ้าง? ยังพอทนได้อยู่ดอก แม่ “ พระจุนทะตอบ แล้วแจ้งอาการไข้ให้มารดาฟัง “ ขณะนี้อาการไข้สงบแล้ว ทั้งว่างคนเยี่ยมด้วย แม่ เข้าไปหาสนทนากับพี่ใหญ่เถิด “           

        นางพราหมณี ได้โอกาสเข้าไปหาพระเถระเจ้าแล้ว ถามว่า “ บุคคลที่เข้ามาหาพ่อนั้น คือผู้ใด “  “ ท้าวจตุโลกบาล จ้ะ แม่ “ นางพราหมณีตลึงในเกียรติอันสูงของลูกชาย พรางปราศรัยต่อไปว่า “ พ่ออุปดิส พ่อยังเป็นใหญ่กว่าท้าวจตุโลกบาลอีกหรือนี่ ? “  “ ท้าวจตุโลกบาลก็เหมือนคนอุปัฏฐากบำรุงวัด เท่านั้นแหละแม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาของลูกปฏิสนธิในครรภ์ของพระพุทธมารดา ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่พระองค์นี้ ยังลงมาถวายอารักขาเป็นนิตย์ “ “ บุคคลที่สองเล่าพ่ออุปดิส คือผู้ใด ? “  “ นั่นท้าวโกสีย์ อมรินทราธิราช จ้า แม่ “           

         พ่ออุปดิส ลูกยังสูงกว่า จอมเทพดาชั้นดาวดึงส์สวรรค์อีกหรือ ? “ “ ท้าวโกสีย์ ก็เหมือนกับสามเณรถือบริกขารของพระบรมศาสดาเท่านั้นแหละ แม่ เมื่อครั้งพระบรมศาสดาของลูกเสด็จลงจากเทวโลก ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ท้าวโกสีย์องค์นี้ ยังถือบาตรนำเสด็จพระบรมครูของลูกเลย แม่ ่  “ ใครกันเล่า พ่ออุปดิส ที่เข้ามาหาลูก หลังจากท้าวโกสีย์เทวราช และใครต่อใครกลับไปแล้ว ท่านผู้นั้นช่างมีรัศมีรุ่งเรืองยิ่งนัก “ “ นั่นท้าวมหาพรหม จ้า แม่ “           

         “พ่ออุปดิส ลูกยังเหนือกว่าท้าวมหาพรหมอีกหรือลูก ? “ “ ท้าวมหาพรหมองค์นี้แหละแม่ ในวันที่พระบรมศาสดาของลูกประสูติ ได้ถือเอาข่ายทองเข้ารองรับพระกุมาร ถวายการบำรุงรักษาพระบรมศาสดาอยู่เนืองนิตย์ แม้ในวันที่พระบรมศาสดาเสด็จลงจากเทวโลก ก็ยังกั้นเศวตรฉัตรถวาย ปรากฏแก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ที่ประชุมอยู่แทบประตูเมืองสังกัสสะนครทั่วทุกคน “ นางสารีพราหมณี ฟังพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรบรรยายแล้ว เห็นคุณอันมหัศจรรย์ในพระมหาเถระว่า อานุภาพบุตรเรายังปรากฏถึงเพียงนี้ และอานุภาพของพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นครูของบุตรเรา คงจะสูงยิ่งกว่านี้เป็นแน่ เกิดปีติเบิกบานใจ ต่อมา พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรก็แสดงธรรมพรรณาพุทธคุณโปรดมารดา ให้นางสารีพราหมณีมารดา ตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผล เป็นพระอริยบุคคลในพระศาสนา สมมโนรถที่อุตสาหะมาสนองพระคุณมารดา แล้วพระเถระเจ้าก็เชิญให้มารดาออกไปพักด้วยดึกมากแล้ว 

         ครั้นนางสารีพราหมณีออกไปแล้ว พระเถระเจ้าจึงถามพระจุนทะเถระว่า “ เวลาเท่าใดแล้ว “   เมื่อได้รับคำตอบว่า “ ใกล้รุ่งแล้ว “ จึงสั่งให้พระสงฆ์ทั้งหลายมาประชุมพร้อมกัน ให้พระจุนทะเถระพยุงกายท่านนั่งขึ้น แล้วกล่าวแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ ตลอดเวลา ๔๔ พรรษา ที่ท่านทั้งหลายติดตามมา หากกรรมอันใดที่มิชอบใจท่านทั้งหลายจะพึงมี ท่านทั้งหลายจงอดโทษแก่ข้าพเจ้าเสียเถิด”  ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ได้เรียนท่านว่า “ ข้าแต่พระเถระเจ้า ตลอดเวลาที่บรรดาข้าพเจ้าติดตามพระเถระเจ้า ไม่มีกรรมอันใดของพระเถระเจ้าเลย ที่มิชอบใจข้าพเจ้าทั้งหลาย หากข้าพเจ้าทั้งหลายพึงมีความประมาทสิ่งใดสิ่งหนึ่งในพระเถระเจ้าแล้ว ขอพระเถระเจ้าได้กรุณาอดโทษแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย “           

ก่อนปรินิพพาน พระสารีบุตรผู้เลิศด้วยปัญญา ตอบแทนพระคุณมารดาอย่างไร ?แหล่งภาพจาก เว็บบอร์ด - พลังจิต

พอเวลาอรุณปรากฏ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็ดับขันธปรินิพพาน ในเวลาวารปุรณมี แห่งกัตติกมาส เพ็ญเดือน ๑๒           

        ครั้นรุ่งเช้า เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้มาสโมสรสันนิบาตทำสักการะศพพระมหาเถระในที่ปรินิพพาน ทำที่ประดิษฐานศพประชุมเพลิงงามวิจิตร ทำฌาปนกิจถวายเพลิงสระรีศพของพระมหาเถระตามประเพณีนิยม พระจุนทะเถระได้รวบรมอัฏฐิธาตุ ห่อผ้าขาว แล้วถือเอาบาตรและจีวรของพระมหาเถระ กับพระธาตุมาสู่ประตูพระเชตวันวิหาร ชวนพระอานนท์เถระเจ้า นำเข้าไปทูลถวายพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาทรงรับเอาพระธาตุแล้ว ตรัสสรรเสริญคุณพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรในท่ามกลางพุทธบริษัทเป็นอันมาก แล้วโปรดให้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระธาตุ  พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรไว้ในพระเชตวนาราม          

อ้างอิงจาก : พุทธประวัติทัศนศึกษา โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี) http://dharma-gateway.com/buddha/buddha-main-page.htm

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/buddhist83.htm

แชร์